PLEASE!
7
ความรู้สึกดีๆ
บ่ายนี้กับบรรยากาศดีเหลือเกิน
แต่ร่างกายผมกลับแย่ลง… แถมวันนี้ผมต้องไปทัศนะศึกษาอีกต่างหาก
แต่ทว่าผมกลับแบกสังขารลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ รับรองได้ว่าวิชานี้จองผม F ลอยมาแต่ไกลเพราะไอ้เอียนคนเดียวเลย
แถมเมื่อเช้าตื่นขึ้นมากก็ไม่เจอไอ้เอียนมีแต่ข้าวต้มกับยาวางไว้ข้างเตียง
กินเสร็จก็รู้สึกเพลียๆ จนหลับไปอีกจนได้
ตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นว่ามันจะอยู่ในห้องกับผมเลย…
L
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“มึงหายไปไหนมาตั้งแต่เช้า
ตื่นมาก็ไม่เจอ… แล้วแผลเป็นไงบ้าง”
ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองไปยังคนที่ยืนอยู่ที่ประตู
สีหน้าของไอ้เอียนดูเหนื่อยๆ จังเลยละครับ
“ไปมหาลัยมานะ
แล้วก็พาผ้าไปซัก… ส่วนแผลก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วละ”
ผมขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย คนอย่างไอ้เอียนเนี่ยนะจะซักผ้า ไม่มีทางฝันไปแน่นอน
“อือ…
ปวดหัวจังเอียน” ผมขยี้หัวตัวเองไปมาอยู่อย่างนั้น
ไอ้เอียนเองก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ
มือข้างหนึ่งของมันแตะลงมาที่หน้าผากของผม
“ตัวยังร้อนอยู่เลย…”
“…………………….” ผมไม่ได้ตอบอะไรมันแต่กลับก้มหน้าลงไปหาหัวไหล่ของไอ้เอียนทันที
ผมปวดหัวจนร้องไห้ด้วยซ้ำ
L
“เมื่อเช้ากูไปคุยกับอาจารย์มึงให้แล้วนะ
เค้าให้มึงทำรายงานส่งก่อนสอบ… แล้วก็ถ่ายรูปธรรมชาติพร้อมกับคำบรรยายเกี่ยวกับความรู้สึกของภาพนั้น!
ส่วนเรื่องไปทัศนะศึกษาเค้าอนุโลมให้”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาไอ้เอียนอีกครั้ง
ตอนนี้น้ำตาของผมไหลออกมามากกว่าเดิมอีกครับ มันคือความรู้สึกมากมายที่ไม่อยากจะอธิบาย
“ตื่นเช้าเพื่อไปคุยกับอาจารย์ให้กูงั้นเหรอ”
“อย่างน้อยกูก็มีส่วนผิดที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้”
มันว่าพร้อมทั้งขยี้หัวผมไปมาแล้วปาดน้ำตาให้
“อือ…
หวังว่ากูคงไม่ติด F หรอกนะ”
“ฮาๆ
เดี๋ยวกูจะช่วยทำรายงานละกัน เค้าให้มึงเลือกตามใจชอบว่าจะทำเรื่องอะไรส่ง…
แล้วเรื่องถ่ายรูปศุกร์หน้ากลับบ้านกัน”
“กลับทำไม?”
“ไปถ่ายรูป
แต่มีข้อแม้มึงต้องนอนบ้านกูนะ”
“อะไร? ขี้โกง…
บ้านกูก็อยู่ใกล้นิดเดียว” ผมรีบถอยหลังหนีมันทันที
แต่ไอ้เอียนกลับรั้งเอวผมกลับมาก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากผมหนักหน่วง ลิ้นร้อนสัมผัสไล่ต้อนจนผมหอบหายใจถี่ๆ
แทบสำลักรสจูบของมันเลยทีเดียว
“อื้อ…
หะ หายใจไม่ออก”
ผมผลักมันออกไปก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาแต่ไอ้เอียนกลับปล่อยให้ผมเป็นอิสระแค่แปบเดียวมันก็กดจูบลงมาอีกครั้ง
แฮ่ก
แฮ่ก
“ไอ้เหี้ย!
กูป่วยอยู่นะ” ผมทุบฝ่ามือตัวเองลงที่อกมันทันทีที่มันปล่อยให้ปากของผมเป็นอิสระ
จุ๊บ
-/////////////////-
แต่มันกลับก้มหน้าลงมากดจูบที่ปากของผมเบาๆ
อีกครั้งก่อนที่ปลายจมูกของเราสองคนจะแตะกัน
หัวใจผมก็เริ่มเจ็บขึ้นทันทีด้วยเหมือนกัน…
“กูขอโทษ
แต่เห็นหน้ามึงแล้วอดอยากจูบไม่ได้”
“ไอ้เหี้ยหื่น…” ผมพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่หน้ามัน น้ำตาก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
“เฮ้อ!
กูไม่ชอบอาการแบบนี้เลยวะ มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ… “ ไอ้เอียนผละออกจากตัวผมก่อนจะลุกขึ้นยืน
มันก้มลงมาสบตาผมก่อนจะเบือนหน้าหนี ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ที่แน่ๆ ไอ้เอียนไม่ยอมหันมามองผมอีก
“มึงเป็นอะไรวะ?”
“ช่างกูเถอะ
มึงพักผ่อนต่อดีกว่า เดี๋ยวกูไปทำอะไรร้อนๆ ให้กินจะได้กินยา…”
หมับ!
ผมเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของไอ้เอียนเอาไว้ก่อนจะรั้งให้มันกลับมานั่งที่เตียง
จนร่างของพวกเราสองคนล้มลงไปนอนบนเตียงทันที
“ไม่!
กูนอนจนจะเป็นหินแล้วนะ”
“มึงป่วยอยู่นะ…”
“แล้วไง
แต่กูไม่อยากนอนแล้วนี่” ผมจ้องหน้ามันไอ้เอียนเองก็ไม่ยอมสบตาจนผมต้องรั้งใบหน้าของมันเอาไว้แทน
“ทำไมไม่มองหน้ากู!”
“โธ่โว้ย!
พายแรด… มึงอย่าทำตีสีหน้าออดอ้อนกูได้ไหม?
กูพยายามควบคุมตัวเองอยู่นะ” จู่ๆ ไอ้เอียนก็พูดโพลงออกมาจนผมอึ้งไปเลยทีเดียว
มันรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปจากผมก่อนจะถอยห่างไปจากเตียง
“กะ…
กูอ้อนตรงไหน”
“พายโง่!
อยู่ในห้องจนกว่ากูจะเอาข้าวกับยามาให้!”
งื้อออออออออออออออ…
อะไรของมันจู่ๆ
ก็มาด่ากันแบบนี้ แถมยังเดินออกไปจากห้องทั้งๆ ที่ไม่อธิบายอะไรให้ผมฟังสักนิดเดียว
แล้วแบบนี้จะเข้าใจได้ยังไงว่าไอ้เอียนอยู่ในอารมณ์ไหน?
ครืด
ครืด
ผมนั่งรอไอ้เอียนอยู่ในห้องสักพักเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา
ผมไม่รู้ว่าใครโทรมาเพราะไม่ได้เมมเบอร์แถมเบอร์ผมยังไม่เคยให้ใคร
ไอ้เอียนเองก็เพิ่งให้ผมมาเหมือนกันผมกดรับสายแบบงงๆ เล็กน้อย
“เฮ้ย!
ไอ้พายมึงไม่มากูโคตรเหงา”
“พอเพียง!” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่คนโทรเข้ามาคือไอ้พอ
แล้วมันไปเอาเบอร์มือถือไอ้เอียนมาจากไหน
“เออ!
กูเองพอเพียงเพื่อนมึง”
“มึงเอาเบอร์ไอ้เอียนมาได้ยังไงวะ?”
“กูเก่ง!”
“เก่งหรือเต็มใจให้กันแน่…”
“อย่าพูดถึงชื่อไอ้เหี้ยนั่นได้ไหม?
แมร่งประสาทแดกเสือกตามกูมาทัศนะศึกษาด้วย อาจารย์ก็ดันอนุญาตซะงั้น…” ผมยังไม่ได้ว่าอะไรมันสักคำแต่ไอ้พอกลับพูดยาวยืดยิ่งกว่าทางรถไฟ
แอบขำกับท่าทางของมัน
ผมไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ที่แน่นอนเต็มใจรักพอเพียงครับ
ผมถูกกรอกหูบ่อยๆ
จากปากของเต็มใจยามที่เจอกัน…
“ไม่ดีเหรอมึงจะได้มีเพื่อน”
“มีเพื่อนหรือมีตัวปัญหา
ใครเข้าใกล้กูมันก็ไล่กัดเค้าไปทั่ว”
!!!
“อ้าวเฮ้ย!
น้องพอเพียงพี่ไม่ใช่หมานะครับ”
“หุบปากมึงไปเลยไอ้สัดเต็มใจ”
ผมแอบขำกับน้ำเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้นผ่านสายโทรศัพท์
สักพักเสียงประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับกินหอมของอาหาร
ไอ้เอียนมองผมนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้ามา
“เออ!
แค่นี้แหละพวกมึงสองคนไปเถียงกันต่อละกัน”
ผมชิงกดตัดสายไปซะก่อนที่ไอ้พอจะได้พูดอะไร
เชื่อเถอะอีกไม่นานมันก็โทรมาหาผมอีกนั่นแหละ
J
“คุยกับใคร?”
“ไอ้พอ…
อ๋อ! ไอ้เต็มไปทัศนะศึกษาด้วยเหรอ?”
ผมขยับตัวไปนั่งที่ขอบเตียงมองอาหารที่ไอ้เอียนยกเข้ามาให้
“อือ!
สงสัยคงหวงเมีย”
“หือ!
อะไรเมียๆ เพื่อนมึงคงไม่…”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาไอ้เอียน แต่มันกลับไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้ผม ให้ตายสิคบกับไอ้พอมาตั้งนานแต่ทำไมมันไม่เสือกเล่าอะไรให้ผมฟังเลยละครับ
แถมวันๆ มันก็ไม่เคยพูดถึงไอ้เต็มใจสักคำ
“…………………………….”
“เพื่อนมึงแมร่งเลว”
“ไม่เลวเป็นเพื่อนกูไม่ได้หรอกนะ
เลิกพูดมากแล้วกินข้าวซะจะได้กินยา” ผมจิกตาใส่ไอ้เอียนก่อนจะยื่นมือไปหยิบจานข้าวมากิน
ไอ้เอียนมาทำไข่เจียวหมูสับให้ผมไม่รู้ว่าจะกินได้ไหมแต่มันหายออกไปจากห้องนานพอสมควร
“………………………..”
“เอียนกินได้ปะวะ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างผม ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก…
หือ! อร่อยกว่าที่คิดไว้ครับ
“ทำไมจะกินไม่ได้
ก็กูซื้อมาตอนกลับจากมหาลัย”
ไอ้เวรผมก็อุสาชมมันดีนะครับที่ไม่ได้ออกเสียงไป
ให้ตายเหอะมันเสือกซื้อมา… ช่วยทำให้กูดีใจสักนิดก็ไม่ได้
“มึงไม่กินเหรอ?”
“กูอิ่มแล้ว…”
“อิ่มอะไร
ไหนมึงบอกว่าไปมหาลัยแต่เช้า แถมยังพาผ้าไปปั่นมาอีกแล้วนี่ตากผ้าหรือยัง
มึงจะเอาเวลาไหนไปกิน แถม…”
“เลิกแหกปากแล้วแดกไปซะ
ตกลงมึงจะเพื่อนหรือเมียกูกันแน่วะ!” ช้อนที่คาอยู่ที่ปากหล่นลงมาใส่จานข้าวทันที
ผมหันไปมองหน้าไอ้เอียนน้ำตาแทบไหลพูดอะไรออกมาไม่แคร์กันเลยสักนิดเดียว
“นั่นสิ! กูก็อยากรู้ว่าตกลง… กูเพื่อนหรือเมีย!”
แต่ที่น่าแปลกใจคือผมกลับถามมันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ทำไมผมต้องถามมันด้วยละครับ… ในเมื่อผมก็มีสิทธิ์เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
“………………………”
ไอ้เอียนไม่ตอบเอาแต่นั่งจ้องหน้า
ผมเลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีมันก่อนจะหยิบช้อนแล้วตักข้าวเข้าปากไปเรื่อยๆ
น้ำตาในใจมันไหลไปเรียบร้อยแล้วละครับ
หมับ!
มือหนายื่นมาที่หัวของผมก่อนจะขยี้ไปมา
ผมเองก็เอียงคอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน ไอ้เอียนยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ยกให้มึงเป็นเมียวันหนึ่ง…
กินข้าวเสร็จก็กินยาด้วยนะครับเมีย ผัวเป็นห่วง!”
มันว่ายิ้มๆ
ก่อนจะลุกขึ้นยืนขยี้หัวผมหนักกว่าเดิมเหมือนว่ากำลังหยอกล้อ แต่ที่แน่ๆ
ผมอายที่สุดกับคำพูดของมัน
“ไอ้เหี้ย!”
“เหี้ยก็รักเมียนะครับ
เอาละวันนี้ผัวจะเป็นเด็กดี… ขอไปตากผ้าก่อนละกันครับ”
จุ๊บ
-///////////-
พูดจบมันก็ก้มลงมาหอมแก้มผม
เดินออกไปจากห้องอย่างหน้าตาเฉย มึงอ่อนโยนแต่กูกลับเจ็บปวด…
“ถ้าคำว่ารักเมื่อกี้มึงพูดออกมาจากใจจริงๆ
ไม่ใช่เพราะอยากรับผิดชอบที่ทำให้กูป่วย… ก็คงดีสินะเอียน”
ผมจ้องบานประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้หากแต่แผ่นหลังกว้างกลับเลือนหายไปแล้ว
น้ำตาไหลออกมาที่ละนิดผมฝืนยิ้มก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งแล้วกินข้าวต่อ
ผมนั่งกินข้าวจนเสร็จก่อนจะกินยา
แต่ผมไม่ได้นอนพักหรอกครับนอกจากจะอาบน้ำ… ผมรู้สึกเหนียวตัวแถมยังร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล เอาเถอะอาบแปบเดียวคงไม่ทำให้ไข้ผมเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้แล้วแหละ
หลังจากที่อาบเสร็จผมก็เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวต่อ หยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวมาใส่แทนที่จะเป็นเสื้อแขนยาว…
สายตามองไปรอบๆ
ห้องแต่งตัวก็ดูเหมือนว่ามันจะสะอาดและเรียบร้อยกว่าเดิม
ท่าทางไอ้เอียนจะทำอย่างที่มันพูดเอาไว้จริงๆ แถมเสื้อผ้าผมมันยังเอาไปซักให้ด้วย
ผมเดินออกจากห้องก่อนจะไปหามันที่ยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียง…
ท่าทางทำไม่เป็นแต่พยายามมากๆ
“ตากผ้าแบบนั้นคงแห้งอยู่หรอก”
ผมยืนยิ้มมองมันที่จับเสื้อใส่ไม้แขวนทั้งๆ ที่ความจริงควรจะสะบัดก่อน
“กูทำได้ดีแค่นี้จะเอาอะไรมากครับเมีย”
“เมียพ่อง!
เลิกล้อเล่นสักที… ส่งมาสิเดี๋ยวกูตากเอง”
ผมเดินเข้าไปหามันยื่นมือไปรับเสื้อที่มันถืออยู่ ไอ้เอียนจ้องหน้าผมคาดโทษแต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“ป่วยแล้วยังเสือกอาบน้ำ
อยากตายเหรอ”
“กูเหนียวตัวนี่”
“หัดสำนึกซะบ้างว่ามึงป่วยอยู่”
ไอ้เอียนดุผมก่อนจะยื่นเสื้อมาให้ ผมสะบัดใส่หน้ามันทันทีอยากปากดีนักแกล้งซะเลย
“พายแรด!”
“……………………………” ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะสะบัดเสื้อผ้าแล้วตากไปจนเสร็จ
รีบเดินหนีเข้ามาข้างในทันทีแต่ไอ้เอียนกลับเดินตามมาแล้วกระชากผมเข้าไปหาตัวมัน
“อะไร?”
“มาวัดไข้ก่อน…”
อ๊ะ!
ผมกระพริบตาถี่ๆ
เมื่อไอ้เอียนพูดจบก็ยื่นหน้าของมันเข้ามาหาผมก่อนจะแตะลงมาที่หน้าผาก ลมหายใจของผมนี่ก็ติดขัดซะเหลือเกินไม่กล้าที่จะสบตามันด้วยซ้ำไป
“ทำไมหน้าแดง
หรือยังไม่หายดี… กูบอกแล้วว่าอย่าอาบน้ำ”
“……………………….” ไอ้ที่หน้าแดงเพราะการกระทำของมึงนี่แหละครับ
“นอนพักต่อดีกว่า”
“ไม่!
กูไม่ได้เป็นอะไรแล้ว… อยากดูหนัง
มีหนังใหม่ให้ดูไหม?” ผมรีบถอยหลังหนีก่อนจะพูดจาอ้อนมัน ไอ้เอียนถอนหายใจเหนื่อยๆ
ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วจับมือพาไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีจอแบนขนาดยักษ์
“เรื่องมาก
ถ้าพรุ่งนี้ไม่หายละน่าดู”
มันว่าก่อนจะเดินไปค้นหนังออกมาแล้วเดินกลับมาหาผมที่นั่งมองอยู่
“เลือกเอา”
“อะไรมีแต่หนังผีกับหนังรถแข่ง…
หนังบู๊อะ กูอยากดูแบบเฉินหลงอะไรพวกนี้” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตามันแต่ไอ้เอียนกลับทำหน้าเหนื่อยใจแทน
“ไม่มี
เลือกที่มีอย่าเรื่องมาก”
“ไม่เอาอะ
กูกลัวผีตัดออกไปเลย”
ผมหยิบหนังผีหลายเรื่องออกไปก่อนจะเลือกหนังรถแข่งขึ้นมาเลือกดูแทน
“เมียแรดครับ
มึงเลือกนานไปไหมผัวเหนื่อยใจ”
งื้ออออออออออออออออออ…
ไอ้เวรดันมาพูดอะไรน่าอายตอนนี้
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันอีกครั้ง… มือก็เลือกหนังขึ้นมาส่งให้มันทันที
ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไร
“แน่ใจว่าจะดีเรื่องนี้”
“อือ…
รีบไปเปิดดิวะ” ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตามันด้วยซ้ำครับ นอกจากจะเสมองไปทางอื่นแทน
“ถามอีกครั้ง
เรื่องนี้แน่นะครับเมีย”
“เออ!”
ผมหันไปตะคอกใส่มันจนไอ้เอียนต้องลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปเปิดหนังที่ผมเลือก
สักพักหนังฉายไตเติ้ลมันก็กลับมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะหยิบหมอนไปกอดเอาไว้
ผมเองก็นั่งกอดเข้ากัดหมอนที่กอดอยู่ไปด้วย แอบหันไปมองหน้าไอ้เอียนเป็นระยะ…
เวลามันดูหนังไม่ค่อยสนโลกสักเท่าไหร่
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด…
เหี้ย!
หนังฉาย…
แต่ทำไมเสียงกรี๊ดร้องมาแต่ไกลละครับ! ผมค่อยๆ
หันกลับไปมองหน้าจอทีวีขนาดใหญ่กลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน!
เมื่อกี้ผมเลือกหนังผีออกไปหมดแล้วนะ
แต่ทำไมพี่มากพระโขนงยังอยู่ละครับพี่น้อง…
ไอ้พอเพียงเคยบอกว่ามันเป็นหนังรักที่โคตรซึ้ง
แต่ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับผีผมก็ซึ้งไม่ออกหรอกครับ
หมับ!
ผมตั้งท่าจะลุกหนีแต่มือหนาข้างหนึ่งของไอ้เอียนกลับกระชากผมให้นั่งลงก่อนจะกอดคอผมเอาไว้ซะแน่น
“จะไปไหนครับเมีย”
“นอน!”
“หือ!
ไม่ใช่ว่ากลัวผีเหรอ? อย่าลืมนะว่าเมียเลือกเอง
ผัวถามย้ำแล้วนะครับ” เชี่ยอยากต่อยปากมันมากๆ เลยละครับ
ทำไมถึงต้องมาย้ำด้วยก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้ผมเขินจนไม่ได้ดูว่าเลือกหนังเรื่องอะไรไป
“ฮือๆๆๆๆๆๆๆ เปลี่ยนเรื่องได้ไหมเอียน”
ผมกอดเอวมันซะแน่นซุกหน้าเข้ากับซกกว้างก่อนจะหลับตา
ใครว่าไม่น่ากลัวแค่เสียงกรี๊ดก็กระชากวิญญาณไปแล้ว…
ต่อให้มันซึ้งมากแค่ไหน
แต่ถ้าคนที่เคยเจอผีแบบจังๆ มาอย่างผมก็หลอนได้เหมือนกัน
“มีกูทั้งคน”
“ไม่เอาอะ
กูกลัวหลอน”
“เงยหน้ามาดูสิ
แม่นาคแมร่งสวยเวอร์อยากได้เป็นแม่ของลูก…” พูดซะดูดีหันมองกูบ้างว่ารู้สึกยังไง
ไอ้เหี้ยเอียน!
ผมผลักร่างของมันออกไปห่างๆ
ก่อนจะขยับตัวหนีกลับมานั่งที่เดิมกอดหมอนใบนั้นจ้องไปยังหน้าจอทีวีต่อ
กูกลัวแต่เมื่อกี้มึงปากดีเพราะงั้นกูจะไม่กอดมึงอีก…
“ไม่กลัวแล้วเหรอ”
“กลัวใจตัวเองมากกว่า…”
ผมพูดเบาหวิวไม่มองหน้าไอ้เอียนด้วยซ้ำ และแน่นอนว่ามันไม่ได้ยินที่ผมพูดหรอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น