วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

PLEASE! #7 ความรู้สึกดีๆ


PLEASE! 7
ความรู้สึกดีๆ




บ่ายนี้กับบรรยากาศดีเหลือเกิน แต่ร่างกายผมกลับแย่ลงแถมวันนี้ผมต้องไปทัศนะศึกษาอีกต่างหาก แต่ทว่าผมกลับแบกสังขารลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ รับรองได้ว่าวิชานี้จองผม F ลอยมาแต่ไกลเพราะไอ้เอียนคนเดียวเลย
แถมเมื่อเช้าตื่นขึ้นมากก็ไม่เจอไอ้เอียนมีแต่ข้าวต้มกับยาวางไว้ข้างเตียง กินเสร็จก็รู้สึกเพลียๆ จนหลับไปอีกจนได้ ตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นว่ามันจะอยู่ในห้องกับผมเลย
L
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“มึงหายไปไหนมาตั้งแต่เช้า ตื่นมาก็ไม่เจอ แล้วแผลเป็นไงบ้าง”
ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองไปยังคนที่ยืนอยู่ที่ประตู สีหน้าของไอ้เอียนดูเหนื่อยๆ จังเลยละครับ
“ไปมหาลัยมานะ แล้วก็พาผ้าไปซักส่วนแผลก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วละ” ผมขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย คนอย่างไอ้เอียนเนี่ยนะจะซักผ้า ไม่มีทางฝันไปแน่นอน
“อือปวดหัวจังเอียน” ผมขยี้หัวตัวเองไปมาอยู่อย่างนั้น ไอ้เอียนเองก็เดินเข้ามาหาผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ มือข้างหนึ่งของมันแตะลงมาที่หน้าผากของผม
“ตัวยังร้อนอยู่เลย
…………………….” ผมไม่ได้ตอบอะไรมันแต่กลับก้มหน้าลงไปหาหัวไหล่ของไอ้เอียนทันที ผมปวดหัวจนร้องไห้ด้วยซ้ำ
L
“เมื่อเช้ากูไปคุยกับอาจารย์มึงให้แล้วนะ เค้าให้มึงทำรายงานส่งก่อนสอบแล้วก็ถ่ายรูปธรรมชาติพร้อมกับคำบรรยายเกี่ยวกับความรู้สึกของภาพนั้น! ส่วนเรื่องไปทัศนะศึกษาเค้าอนุโลมให้”
ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาไอ้เอียนอีกครั้ง ตอนนี้น้ำตาของผมไหลออกมามากกว่าเดิมอีกครับ มันคือความรู้สึกมากมายที่ไม่อยากจะอธิบาย
“ตื่นเช้าเพื่อไปคุยกับอาจารย์ให้กูงั้นเหรอ”
“อย่างน้อยกูก็มีส่วนผิดที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้” มันว่าพร้อมทั้งขยี้หัวผมไปมาแล้วปาดน้ำตาให้
“อือหวังว่ากูคงไม่ติด F หรอกนะ”
“ฮาๆ เดี๋ยวกูจะช่วยทำรายงานละกัน เค้าให้มึงเลือกตามใจชอบว่าจะทำเรื่องอะไรส่งแล้วเรื่องถ่ายรูปศุกร์หน้ากลับบ้านกัน”
“กลับทำไม?”
“ไปถ่ายรูป แต่มีข้อแม้มึงต้องนอนบ้านกูนะ”
“อะไร? ขี้โกงบ้านกูก็อยู่ใกล้นิดเดียว” ผมรีบถอยหลังหนีมันทันที แต่ไอ้เอียนกลับรั้งเอวผมกลับมาก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากผมหนักหน่วง ลิ้นร้อนสัมผัสไล่ต้อนจนผมหอบหายใจถี่ๆ แทบสำลักรสจูบของมันเลยทีเดียว
“อื้อหะ หายใจไม่ออก” ผมผลักมันออกไปก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมาแต่ไอ้เอียนกลับปล่อยให้ผมเป็นอิสระแค่แปบเดียวมันก็กดจูบลงมาอีกครั้ง
แฮ่ก แฮ่ก
“ไอ้เหี้ย! กูป่วยอยู่นะ” ผมทุบฝ่ามือตัวเองลงที่อกมันทันทีที่มันปล่อยให้ปากของผมเป็นอิสระ
จุ๊บ -/////////////////-
แต่มันกลับก้มหน้าลงมากดจูบที่ปากของผมเบาๆ อีกครั้งก่อนที่ปลายจมูกของเราสองคนจะแตะกัน
หัวใจผมก็เริ่มเจ็บขึ้นทันทีด้วยเหมือนกัน
“กูขอโทษ แต่เห็นหน้ามึงแล้วอดอยากจูบไม่ได้”
“ไอ้เหี้ยหื่น” ผมพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่หน้ามัน น้ำตาก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
“เฮ้อ! กูไม่ชอบอาการแบบนี้เลยวะ มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ“ ไอ้เอียนผละออกจากตัวผมก่อนจะลุกขึ้นยืน มันก้มลงมาสบตาผมก่อนจะเบือนหน้าหนี ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแต่ที่แน่ๆ ไอ้เอียนไม่ยอมหันมามองผมอีก
“มึงเป็นอะไรวะ?”
“ช่างกูเถอะ มึงพักผ่อนต่อดีกว่า เดี๋ยวกูไปทำอะไรร้อนๆ ให้กินจะได้กินยา

หมับ!
ผมเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของไอ้เอียนเอาไว้ก่อนจะรั้งให้มันกลับมานั่งที่เตียง จนร่างของพวกเราสองคนล้มลงไปนอนบนเตียงทันที
“ไม่! กูนอนจนจะเป็นหินแล้วนะ”
“มึงป่วยอยู่นะ
“แล้วไง แต่กูไม่อยากนอนแล้วนี่” ผมจ้องหน้ามันไอ้เอียนเองก็ไม่ยอมสบตาจนผมต้องรั้งใบหน้าของมันเอาไว้แทน
“ทำไมไม่มองหน้ากู!
“โธ่โว้ย! พายแรดมึงอย่าทำตีสีหน้าออดอ้อนกูได้ไหม? กูพยายามควบคุมตัวเองอยู่นะ” จู่ๆ ไอ้เอียนก็พูดโพลงออกมาจนผมอึ้งไปเลยทีเดียว มันรีบเด้งตัวลุกขึ้นไปจากผมก่อนจะถอยห่างไปจากเตียง
“กะกูอ้อนตรงไหน”
“พายโง่! อยู่ในห้องจนกว่ากูจะเอาข้าวกับยามาให้!
งื้อออออออออออออออ
อะไรของมันจู่ๆ ก็มาด่ากันแบบนี้ แถมยังเดินออกไปจากห้องทั้งๆ ที่ไม่อธิบายอะไรให้ผมฟังสักนิดเดียว แล้วแบบนี้จะเข้าใจได้ยังไงว่าไอ้เอียนอยู่ในอารมณ์ไหน?

ครืด ครืด
ผมนั่งรอไอ้เอียนอยู่ในห้องสักพักเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าใครโทรมาเพราะไม่ได้เมมเบอร์แถมเบอร์ผมยังไม่เคยให้ใคร ไอ้เอียนเองก็เพิ่งให้ผมมาเหมือนกันผมกดรับสายแบบงงๆ เล็กน้อย
“เฮ้ย! ไอ้พายมึงไม่มากูโคตรเหงา”
“พอเพียง!” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่คนโทรเข้ามาคือไอ้พอ แล้วมันไปเอาเบอร์มือถือไอ้เอียนมาจากไหน
“เออ! กูเองพอเพียงเพื่อนมึง”
“มึงเอาเบอร์ไอ้เอียนมาได้ยังไงวะ?”
“กูเก่ง!
“เก่งหรือเต็มใจให้กันแน่
“อย่าพูดถึงชื่อไอ้เหี้ยนั่นได้ไหม? แมร่งประสาทแดกเสือกตามกูมาทัศนะศึกษาด้วย อาจารย์ก็ดันอนุญาตซะงั้น” ผมยังไม่ได้ว่าอะไรมันสักคำแต่ไอ้พอกลับพูดยาวยืดยิ่งกว่าทางรถไฟ แอบขำกับท่าทางของมัน ผมไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ที่แน่นอนเต็มใจรักพอเพียงครับ
ผมถูกกรอกหูบ่อยๆ จากปากของเต็มใจยามที่เจอกัน
“ไม่ดีเหรอมึงจะได้มีเพื่อน”
“มีเพื่อนหรือมีตัวปัญหา ใครเข้าใกล้กูมันก็ไล่กัดเค้าไปทั่ว”
!!!
“อ้าวเฮ้ย! น้องพอเพียงพี่ไม่ใช่หมานะครับ”
“หุบปากมึงไปเลยไอ้สัดเต็มใจ”
ผมแอบขำกับน้ำเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้นผ่านสายโทรศัพท์ สักพักเสียงประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับกินหอมของอาหาร ไอ้เอียนมองผมนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้ามา
“เออ! แค่นี้แหละพวกมึงสองคนไปเถียงกันต่อละกัน” ผมชิงกดตัดสายไปซะก่อนที่ไอ้พอจะได้พูดอะไร เชื่อเถอะอีกไม่นานมันก็โทรมาหาผมอีกนั่นแหละ
J

“คุยกับใคร?”
“ไอ้พออ๋อ! ไอ้เต็มไปทัศนะศึกษาด้วยเหรอ?” ผมขยับตัวไปนั่งที่ขอบเตียงมองอาหารที่ไอ้เอียนยกเข้ามาให้
“อือ! สงสัยคงหวงเมีย”
“หือ! อะไรเมียๆ เพื่อนมึงคงไม่” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาไอ้เอียน แต่มันกลับไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้ผม ให้ตายสิคบกับไอ้พอมาตั้งนานแต่ทำไมมันไม่เสือกเล่าอะไรให้ผมฟังเลยละครับ แถมวันๆ มันก็ไม่เคยพูดถึงไอ้เต็มใจสักคำ
…………………………….
“เพื่อนมึงแมร่งเลว”
“ไม่เลวเป็นเพื่อนกูไม่ได้หรอกนะ เลิกพูดมากแล้วกินข้าวซะจะได้กินยา” ผมจิกตาใส่ไอ้เอียนก่อนจะยื่นมือไปหยิบจานข้าวมากิน ไอ้เอียนมาทำไข่เจียวหมูสับให้ผมไม่รู้ว่าจะกินได้ไหมแต่มันหายออกไปจากห้องนานพอสมควร
………………………..
“เอียนกินได้ปะวะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างผม ก่อนจะตักข้าวเข้าปากหือ! อร่อยกว่าที่คิดไว้ครับ
“ทำไมจะกินไม่ได้ ก็กูซื้อมาตอนกลับจากมหาลัย”
ไอ้เวรผมก็อุสาชมมันดีนะครับที่ไม่ได้ออกเสียงไป ให้ตายเหอะมันเสือกซื้อมาช่วยทำให้กูดีใจสักนิดก็ไม่ได้
“มึงไม่กินเหรอ?”
“กูอิ่มแล้ว
“อิ่มอะไร ไหนมึงบอกว่าไปมหาลัยแต่เช้า แถมยังพาผ้าไปปั่นมาอีกแล้วนี่ตากผ้าหรือยัง มึงจะเอาเวลาไหนไปกิน แถม
“เลิกแหกปากแล้วแดกไปซะ ตกลงมึงจะเพื่อนหรือเมียกูกันแน่วะ!” ช้อนที่คาอยู่ที่ปากหล่นลงมาใส่จานข้าวทันที ผมหันไปมองหน้าไอ้เอียนน้ำตาแทบไหลพูดอะไรออกมาไม่แคร์กันเลยสักนิดเดียว
“นั่นสิ! กูก็อยากรู้ว่าตกลงกูเพื่อนหรือเมีย!
แต่ที่น่าแปลกใจคือผมกลับถามมันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ทำไมผมต้องถามมันด้วยละครับในเมื่อผมก็มีสิทธิ์เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น
………………………
ไอ้เอียนไม่ตอบเอาแต่นั่งจ้องหน้า ผมเลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีมันก่อนจะหยิบช้อนแล้วตักข้าวเข้าปากไปเรื่อยๆ น้ำตาในใจมันไหลไปเรียบร้อยแล้วละครับ

หมับ!
มือหนายื่นมาที่หัวของผมก่อนจะขยี้ไปมา ผมเองก็เอียงคอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน ไอ้เอียนยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยปากพูด
“ยกให้มึงเป็นเมียวันหนึ่งกินข้าวเสร็จก็กินยาด้วยนะครับเมีย ผัวเป็นห่วง!
มันว่ายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนขยี้หัวผมหนักกว่าเดิมเหมือนว่ากำลังหยอกล้อ แต่ที่แน่ๆ ผมอายที่สุดกับคำพูดของมัน
“ไอ้เหี้ย!
“เหี้ยก็รักเมียนะครับ เอาละวันนี้ผัวจะเป็นเด็กดีขอไปตากผ้าก่อนละกันครับ”
จุ๊บ -///////////-
พูดจบมันก็ก้มลงมาหอมแก้มผม เดินออกไปจากห้องอย่างหน้าตาเฉย มึงอ่อนโยนแต่กูกลับเจ็บปวด
“ถ้าคำว่ารักเมื่อกี้มึงพูดออกมาจากใจจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากรับผิดชอบที่ทำให้กูป่วยก็คงดีสินะเอียน” ผมจ้องบานประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้หากแต่แผ่นหลังกว้างกลับเลือนหายไปแล้ว น้ำตาไหลออกมาที่ละนิดผมฝืนยิ้มก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งแล้วกินข้าวต่อ
ผมนั่งกินข้าวจนเสร็จก่อนจะกินยา แต่ผมไม่ได้นอนพักหรอกครับนอกจากจะอาบน้ำผมรู้สึกเหนียวตัวแถมยังร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล เอาเถอะอาบแปบเดียวคงไม่ทำให้ไข้ผมเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้แล้วแหละ หลังจากที่อาบเสร็จผมก็เดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวต่อ หยิบเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวมาใส่แทนที่จะเป็นเสื้อแขนยาว
สายตามองไปรอบๆ ห้องแต่งตัวก็ดูเหมือนว่ามันจะสะอาดและเรียบร้อยกว่าเดิม ท่าทางไอ้เอียนจะทำอย่างที่มันพูดเอาไว้จริงๆ แถมเสื้อผ้าผมมันยังเอาไปซักให้ด้วย ผมเดินออกจากห้องก่อนจะไปหามันที่ยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียงท่าทางทำไม่เป็นแต่พยายามมากๆ
“ตากผ้าแบบนั้นคงแห้งอยู่หรอก” ผมยืนยิ้มมองมันที่จับเสื้อใส่ไม้แขวนทั้งๆ ที่ความจริงควรจะสะบัดก่อน
“กูทำได้ดีแค่นี้จะเอาอะไรมากครับเมีย”
“เมียพ่อง! เลิกล้อเล่นสักทีส่งมาสิเดี๋ยวกูตากเอง” ผมเดินเข้าไปหามันยื่นมือไปรับเสื้อที่มันถืออยู่ ไอ้เอียนจ้องหน้าผมคาดโทษแต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“ป่วยแล้วยังเสือกอาบน้ำ อยากตายเหรอ”
“กูเหนียวตัวนี่”
“หัดสำนึกซะบ้างว่ามึงป่วยอยู่” ไอ้เอียนดุผมก่อนจะยื่นเสื้อมาให้ ผมสะบัดใส่หน้ามันทันทีอยากปากดีนักแกล้งซะเลย
“พายแรด!
……………………………” ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะสะบัดเสื้อผ้าแล้วตากไปจนเสร็จ รีบเดินหนีเข้ามาข้างในทันทีแต่ไอ้เอียนกลับเดินตามมาแล้วกระชากผมเข้าไปหาตัวมัน
“อะไร?”
“มาวัดไข้ก่อน
อ๊ะ!
ผมกระพริบตาถี่ๆ เมื่อไอ้เอียนพูดจบก็ยื่นหน้าของมันเข้ามาหาผมก่อนจะแตะลงมาที่หน้าผาก ลมหายใจของผมนี่ก็ติดขัดซะเหลือเกินไม่กล้าที่จะสบตามันด้วยซ้ำไป
“ทำไมหน้าแดง หรือยังไม่หายดีกูบอกแล้วว่าอย่าอาบน้ำ”
……………………….” ไอ้ที่หน้าแดงเพราะการกระทำของมึงนี่แหละครับ
“นอนพักต่อดีกว่า”
“ไม่! กูไม่ได้เป็นอะไรแล้วอยากดูหนัง มีหนังใหม่ให้ดูไหม?” ผมรีบถอยหลังหนีก่อนจะพูดจาอ้อนมัน ไอ้เอียนถอนหายใจเหนื่อยๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วจับมือพาไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีจอแบนขนาดยักษ์
“เรื่องมาก ถ้าพรุ่งนี้ไม่หายละน่าดู” มันว่าก่อนจะเดินไปค้นหนังออกมาแล้วเดินกลับมาหาผมที่นั่งมองอยู่
“เลือกเอา”
“อะไรมีแต่หนังผีกับหนังรถแข่งหนังบู๊อะ กูอยากดูแบบเฉินหลงอะไรพวกนี้” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตามันแต่ไอ้เอียนกลับทำหน้าเหนื่อยใจแทน
“ไม่มี เลือกที่มีอย่าเรื่องมาก”
“ไม่เอาอะ กูกลัวผีตัดออกไปเลย” ผมหยิบหนังผีหลายเรื่องออกไปก่อนจะเลือกหนังรถแข่งขึ้นมาเลือกดูแทน
“เมียแรดครับ มึงเลือกนานไปไหมผัวเหนื่อยใจ”
งื้ออออออออออออออออออ
ไอ้เวรดันมาพูดอะไรน่าอายตอนนี้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันอีกครั้งมือก็เลือกหนังขึ้นมาส่งให้มันทันที ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไร
“แน่ใจว่าจะดีเรื่องนี้”
“อือรีบไปเปิดดิวะ” ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตามันด้วยซ้ำครับ นอกจากจะเสมองไปทางอื่นแทน
“ถามอีกครั้ง เรื่องนี้แน่นะครับเมีย”
“เออ!
ผมหันไปตะคอกใส่มันจนไอ้เอียนต้องลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปเปิดหนังที่ผมเลือก สักพักหนังฉายไตเติ้ลมันก็กลับมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะหยิบหมอนไปกอดเอาไว้ ผมเองก็นั่งกอดเข้ากัดหมอนที่กอดอยู่ไปด้วย แอบหันไปมองหน้าไอ้เอียนเป็นระยะเวลามันดูหนังไม่ค่อยสนโลกสักเท่าไหร่

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เหี้ย!
หนังฉายแต่ทำไมเสียงกรี๊ดร้องมาแต่ไกลละครับ! ผมค่อยๆ หันกลับไปมองหน้าจอทีวีขนาดใหญ่กลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน!
เมื่อกี้ผมเลือกหนังผีออกไปหมดแล้วนะ แต่ทำไมพี่มากพระโขนงยังอยู่ละครับพี่น้อง
ไอ้พอเพียงเคยบอกว่ามันเป็นหนังรักที่โคตรซึ้ง แต่ถ้าอะไรที่เกี่ยวกับผีผมก็ซึ้งไม่ออกหรอกครับ

หมับ!
ผมตั้งท่าจะลุกหนีแต่มือหนาข้างหนึ่งของไอ้เอียนกลับกระชากผมให้นั่งลงก่อนจะกอดคอผมเอาไว้ซะแน่น
“จะไปไหนครับเมีย”
“นอน!
“หือ! ไม่ใช่ว่ากลัวผีเหรอ? อย่าลืมนะว่าเมียเลือกเอง ผัวถามย้ำแล้วนะครับ” เชี่ยอยากต่อยปากมันมากๆ เลยละครับ ทำไมถึงต้องมาย้ำด้วยก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้ผมเขินจนไม่ได้ดูว่าเลือกหนังเรื่องอะไรไป
“ฮือๆๆๆๆๆๆๆ เปลี่ยนเรื่องได้ไหมเอียน” ผมกอดเอวมันซะแน่นซุกหน้าเข้ากับซกกว้างก่อนจะหลับตา ใครว่าไม่น่ากลัวแค่เสียงกรี๊ดก็กระชากวิญญาณไปแล้ว
ต่อให้มันซึ้งมากแค่ไหน แต่ถ้าคนที่เคยเจอผีแบบจังๆ มาอย่างผมก็หลอนได้เหมือนกัน
“มีกูทั้งคน”
“ไม่เอาอะ กูกลัวหลอน”
“เงยหน้ามาดูสิ แม่นาคแมร่งสวยเวอร์อยากได้เป็นแม่ของลูก” พูดซะดูดีหันมองกูบ้างว่ารู้สึกยังไง
ไอ้เหี้ยเอียน!
ผมผลักร่างของมันออกไปห่างๆ ก่อนจะขยับตัวหนีกลับมานั่งที่เดิมกอดหมอนใบนั้นจ้องไปยังหน้าจอทีวีต่อ กูกลัวแต่เมื่อกี้มึงปากดีเพราะงั้นกูจะไม่กอดมึงอีก
“ไม่กลัวแล้วเหรอ”
“กลัวใจตัวเองมากกว่า ผมพูดเบาหวิวไม่มองหน้าไอ้เอียนด้วยซ้ำ และแน่นอนว่ามันไม่ได้ยินที่ผมพูดหรอก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น