PLEASE!
1
เพื่อนรัก…
รักเพื่อน!
อื้อ…
ผมร้องครางออกมาอย่างรำคาญเมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากร้อนๆ
ของใครอีกคนที่คลอเคลียอยู่บริเวณคอของผม มันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
ยังไงก็ไม่รู้สิครับ
“อย่ามายุ่งได้ไหม?”
ผมขึ้นเสียงไม่พอใจก่อนจะออกแรงผลักคนที่กำลังวุ่นวายกับคอผมให้ออกไป
แต่ทว่ามันกลับไม่ยอมหยุดแถมยังรุกผมหนักกว่าเดิมจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา
อื้อ!
มันไม่ยอมให้ผมอ้าปากพูดอะไรเลยด้วยซ้ำก่อนที่ริมฝีปากบางสวยน่าจับจ้องและเป็นที่หมายปองของใครหลายๆ
คนจะกดจูบลงมาที่ปากผมอย่างจัง มันทั้งกัดและขบเม้มจนผมรู้สึกเจ็บ…มือหนาข้างหนึ่งบีบปลายคางเพื่อให้ผมเผยริมฝีปากออกมาลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากควานหาความหอมหวานรับเช้าวันใหม่
มันอึดอัดและรู้สึกต้องการมากยิ่งขึ้น
จากที่ขัดขืนในตอนแรกผลสุดท้ายกลับยอมสยบโดยง่าย
จนในที่สุดผมก็ได้ลมหายใจคืนมา…
“มอร์นิ่งคิส!”
“มอร์นิ่งคิสพ่องสิ…กูจะนอนไปไกลๆ ได้ไหม?”
ผมตะโกนด่ามันอย่างไม่พอใจหน้าหล่อยกยิ้มร้ายกาจก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันไม่มีอะไรปกปิดร่างกายกำยำแสนสมบูรณ์แบบของตัวเองเลยสักนิด
!!!
“คราวหลังไม่ต้องเสือกปลุกกูแบบนี้อีกนะ”
ผมด่าตามหลังมันที่กำลังจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
“เสียใจวะ!
กูชินแล้ว” มันโผล่หัวออกมาพร้อมกับคำตอบที่ทำให้หมอนใบโตกระโจนไปยังหน้าประตูห้องน้ำแต่ทว่าไอ้เอียนกลับหลบมันได้
อย่าแปลกใจเลยว่าทำไมหรือเพราะอะไร?
แต่เพราะผมกับมันเรามีอะไรกันทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนกันและเราสองคนก็…
ไม่ได้รักกัน!
แต่จะพูดให้ถูกผมรักมัน…
แต่มันไม่ได้รักผม?
‘เรานะเพื่อนกัน… แค่ลืมตาตื่นขึ้นมามีมึงข้างๆ กูก็พอแล้วใจแล้ว…
พาย’
‘แล้วถ้าวันไหนที่เรียนจบมึงแต่งงานไปละ?’
‘เดี๋ยวกูจะเอารูปมึงไปแปะไว้ในห้องแทน ตื่นมาจะได้เห็นไง ฮาๆๆๆ’
ทุกอย่างสำหรับมันคือคำว่าเพื่อน
แต่ทุกอย่างสำหรับผมคือคำว่าแอบรักเพื่อน
ผมกับมันเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ
บ้านผมกับมันอยู่ห่างกันไม่ไกลไปมากันได้สะดวก ผมกับไอ้เอียนเราสนิทกันและอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เรียนอนุบาลยันมัธยมจนตอนนี้ผมกับมันเข้ามหาลัยกันแล้ว
เราสองคนตัดสินใจมาเรียนต่อมหาลัยที่กรุงเทพฯ
พร้อมกันแต่บ้านผมกับมันอยู่ภาคเหนือครับ…บ้านไอ้เอียนมันรวยโคตรๆ แต่บ้านผมปานกลางพอมีพอกิน ผมมีพี่ชายอยู่คนเดียวชื่อพีมันเรียนจบไปแล้วและก็ช่วยพ่อกับแม่ทำงานที่บ้านซึ่งจะเป็นสวนผลไม้
ส่วนไอ้เอียนมันมีน้องชายอยู่คนหนึ่งเหมือนกันครับชื่อเอมหมอนั่นติดผมเป็นพิเศษตอนนี้ก็เรียนอยู่มอหกแล้ว…
ช่วงปิดเทอมสักทีพวกเราสองคนถึงจะได้กลับบ้าน!
ผมเลือกที่จะเรียนสถาปัตฯ เพราะผมชอบธรรมชาติและศิลปะ
ส่วนไอ้เอียนมันเลือกเรียนเกษตรครับแม้บ้านมันจะรวยแค่ไหนแต่หมอนี่มักติดดินจนเกินไปแถมไม่ชอบทำอะไรนอกจากนอน
กิน เที่ยว… มันบอกว่าที่บ้านมีสวนผลไม้ก็ต้องเรียนอะไรเกี่ยวกับเกษตรแม้กิจการอื่นของบ้านมันจะมีอีกเยอะแยะก็ตามแถมประโยคของมันเหมือนพูดกระแทกผมที่ไปเลือกเรียนสถาปัตฯ
แทนที่จะเป็นเกษตรแบบมัน
ตอนนี้ผมกับไอ้เอียนก็อยู่ปี4
กันแล้วอีกแค่ไม่กี่อึดใจเดียวก็จะเรียนจบกัน…แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกครับมันอยู่ตรงที่…
ผมกับไอ้เอียนเรามีอะไรกัน!!
แถมครั้งแรกก็ตอนอยู่ปี1
แรกๆ นึกบ้าเพราะเมาด้วยละมั้งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายอมมันไปได้ยังไงแต่ครั้งแรกขอบอกเจ็บโคตรๆ
แทบเดินไปไหนไม่ได้เลย พอผมจะกดมันบ้างไอ้เวรนี่ดันตอกกลับมาซะเจ็บปวดเชียวครับ
‘มึงนะ! อยู่ให้กูกดคนเดียวก็พอแล้ว…’
เป็นยังไงละครับ!
ผมเสียเปรียบและเสียหัวใจให้กับมันมาตลอดจนถึงตอนนี้กี่ปีแล้วเนี่ย
และอีกอย่างผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับตัวเองก็ตอนที่เห็นมันจูบกับคนอื่นนี่แหละครับ
ต่อหน้าต่อตาแถมตอนนั้นผมไม่ได้เมาแต่ไอ้เอียนเมาแล้วพอกลับมาถึงห้องมันก็จบผมกด…เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนผมเริ่มมั่นใจว่าทุกครั้งผมสมยอมไม่ใช่ต้องการปลดปล่อยแบบไอ้เอียนมัน
L
กรรมเถอะครับ!
ถ้าโลกนี้จะไม่ยุติธรรมขอใครสักคนที่รักผมและทำให้ผมลืมไอ้เอียนได้ก็เป็นพอ
“เชี่ยพายแรด!”
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ
เสียงของไอ้เอียนก็ดังขึ้นมาข้างๆ
หูผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่ามันยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าและมีผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียวพร้อมกับหัวที่เปียกโชก
“เออ!”
“เช็ดผมให้กูหน่อยดิ”
มันว่าก่อนจะผลักผมให้ถอยหลังไปจากที่กำลังนั่งอยู่ก่อนจะโยนผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้แล้วร่างของมันก็นั่งลงตรงหน้าผม
“เช็ดเอง!
กูจะไปอาบน้ำ…”
ผมปาผ้าขนหนูที่มันโยนมาให้ใส่หัวไอ้เอียนก่อนที่จะลุกขึ้นแต่ไอ้เวรนี่กลับดึงผมให้หันมามองหน้ามันก่อนที่จะใช้แรงอันมหาศาลผลักผมจนล้มลงไปนอนกองกับเตียงส่วนมันก็รีบขึ้นมานั่งคร่อมผมเอาไว้ทันที
“อยากเช็ดผมให้กู!
หรือให้กูจับมึงกด…”
น้ำเม็ดเล็กๆ
จากเส้นผมสีดำสนิทซอยสั้นดูเป็นทรงเข้ากับหน้าของมันหยดลงตรงหน้าผมทันที
สติกลับมาก่อนจะตอบคำถาม
ถ้ากูเลือกข้อสองกูก็บ้าเต็มทนแล้วเพราะเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนให้หอกหักนี่หื่นจัดและยังอึดอีกต่างหาก
“เออ!”
“ตอบ…” ก็กูตอบแล้วยังไง? ไอ้เวรนี่ฟังภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่องถ้าตอบไม่ตรงกับที่มันถามจ้างให้ตายมันก็ไม่ยอมปล่อย
“ชะ…เช็ดผม!”
ติดอ้างสิครับพอมันยื่นหน้าเข้ามาหาผมเรื่อยๆ คือแบบหุ่นมึงมันยั่วกูแต่เช้า =_=!
“ก็แค่เนี่ย!
ทำอิดออด” มันลุกขึ้นไปจากตัวผมก่อนที่จะนั่งหันหลังให้
ผมยันตัวเองลุกขึ้นนั่งหยิบผ้าขนหนูขึ้นก่อนจะจะขยำไปที่หัวไอ้เอียนแรงๆ
จนมันร้องจ๊าก
“มือหนักเป็นบ้า!
ใครที่ไหนเค้าจะอยากเอาไปทำเมีย!!!”
“ไม่มีหรอก!
มีแต่ไอ้เวรแถวนี้ที่ชอบเอากูทุกคืน” ผมตอบมันแบบจี๊ดใจดำมาก
ไอ้เหี้ยคำพูดมึงแต่ละคำช่วยนึกถึงจิตใจกูบ้างจะได้ไหม? บางทีกูก็เจ็บเป็นนะ…
แต่มึงไม่เสือกเข้าใจอะไรเลย!!
L
“ปากดี!
รับรองคืนนี้อย่าได้นอน…”
มันขู่ผมเห็นๆ
เลยครับและผมก็เงียบถ้าต่อปากต่อคำกับมันต่อรับรองมียาวแน่นอน
ผมเช็ดผมให้ไอ้เอียนสักพักหัวมันก็เริ่มจะแห้งผมเลยหยุดก่อนจะเดินหายเข้าไปอาบน้ำ ตามจริงวันนี้ผมไม่มีเรียนหรอกครับแต่มีนัดกับไอ้พอเพียงมันว่าจะไปเที่ยวกัน
ส่วนไอ้เอียนก็มีเรียนเที่ยงตามปกติเรียนเสร็จมันก็จะไปเที่ยวเจอกันอีกทีเที่ยงคืน…
ผมนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วจะว่าไปวันนี้ผมแช่น้ำนานเป็นพิเศษเพราะอะไรหลายๆ
อย่างทำให้ผมคิดมากละมั้ง…ผมสับสนในตัวเองและไม่เข้าใจด้วยว่าทำผมถึงรู้สึกรักมันได้ถึงขนาดนี้
“ถ้าเลือกได้!
กูขอตายไปซะดีกว่า…”
“มึงได้ตายแน่ถ้าไม่ยอมขึ้นมาจากอ่าง!!!”
“เฮ้ย!
เข้ามาได้ยังไง?”
“ประตูไม่ได้ล็อก
แต่จะว่าไปมึงนี่ก็ขี้ลืมเป็นบ้า… คราวหลังถ้าอยู่คนเดียวก็เสือกล็อกด้วย
กูเป็นห่วง!!!”
กูเป็นห่วง!
แค่นี้ใจกูก็เต้นแรงจนผิดปกติแล้ว
ทำไมมึงต้องพูดจาให้ความหวังกุไปเรื่อยๆ แบบนี้วะ… เจ็บแต่ไม่จำเพราะผมมันทนเหมือนควายบางระจันไปซะแล้ว
ผมลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำเดินออกมาก็เห็นว่าไอ้เอียนกำลังเตรียมตัวที่จะไปเรียนทั้งๆ
ที่ตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมงกว่าๆ เองครับ
“มึงจะรีบไปไหน
เรียนเที่ยงไม่ใช่เหรอ?” เช็ดผมตัวเองเดินตรงเข้าไปหามันที่นั่งอยู่ปลายเตียง
ไอ้เอียนเสมองมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน
“มีนัด!”
มันเดินยิ้มอารมณ์ดีออกจากห้องไปเสียงประตูที่ปิดลงกับเสียงหัวใจผมที่แตกสลาย…
เจ็บเป็นบ้า!!!!
ผมนอนราบลงกับเตียงก่อนจะควานหาไอโฟนเครื่องโปรดที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่เพราะถูกไอ้เอียนปาเล่นเวลาที่มันโกรธหรือไม่พอใจผม…กดหาเบอร์โทรของไอ้พอเพียงทันที
“เชี่ยพอ…กูเจ็บ!”
พอมันกดรับสายผมก็สวยไปหนึ่งดอกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
เสียงตะกุกตะกักของไอ้พอทำให้ผมรู้ว่ามันยังไม่ตื่น
“เออ!
ทนเหมือนควายบางระจันไปเถอะมึง”
มันตะโกนกลับมาน้ำเสียงก็ยังอู่อี้เหมือนเดิม
“จะทนไม่ไหวแล้วเชี่ย…ทำไมแอบรักมันเจ็บแบบนี้วะ” ผมร้องไห้สะอื้นยังกับคนบ้า
แอด!
อ๊ะ…
เสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามาอย่างแรงก่อนที่ร่างของไอ้เอียนจะเดินเข้ามา
มันเสมองมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวผมกระซิบให้ให้พอถือสายรอก่อนจะลุกขึ้นนั่งปาดน้ำตาตัวเอง
ไอ้เอียนเดินกลับออกมาก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่นั่งมองมันอยู่
“เชี่ยพายแรด!
แอบรักใครอ่า… ให้เค้าช่วยเปล่าตัวเอง!” มันยื่นมือข้างหนึ่งมาหยิกแก้มของผมก่อนจะส่ายไปมาจนรู้สึกเจ็บ
ผมปัดมือมันทิ้งก่อนจะตะโกนด่า
“ไปตายซะ!
รีบๆ ไสหัวออกไปเลยนะ”
“ฮาๆๆๆ
ทำเหวี่ยง… ขอให้รักสมหวังนะครับเพื่อนรัก!!!!!!”
เสียงประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างของไอ้เอียนที่หายไป…
มันจะสมหวังได้ยังไงในเมื่อคนที่กูรัก
มันไม่เคยรักกู… แถมคนๆ
นั้นเสือกเป็นมึงอีกเชี่ยเอียน!!!
ผมเกลียดคำว่า
‘เพื่อนรัก’ ที่สุด เพราะมันทำให้ผม ‘รักเพื่อน’
“เฮ้ย!
ไอ้พายน้ำตาตกในตายรึยังวะ” ผมได้ยินเสียงตะโกนของไอ้พอผ่านจากสายโทรศัพท์ที่ยังไม่ถูกตัดหยิบมันขึ้นมาก่อนจะตอบคำถามเพื่อน
“เกือบตายกับคำว่าเพื่อน…”
“ทนทำไม!”
“กูรัก!
ตอนไหนก็ไม่รู้…แต่รักไปแล้ว”
“เออ!
ไอ้ควายเผือก… งั้นอีกชั่วโมงเจอกันที่ร้านเดิมกูจะพามึงไปแรดให้หายแซด”
ผมไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้พอก็กดวางสายทันที
ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพักก็ลุกขึ้นไปแต่งตัวทำทุกอย่างให้ช้าเพื่อรอเวลาแต่จะว่าไปผมก็ควรรีบและออกไปได้แล้วสินะ
เพราะอยู่ในห้องนี้นานๆ แล้วมันเจ็บ
ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน
มุมไหน ก็มีแต่รูปของไอ้เอียนเต็มห้องไปหมด!!! พอเปิดมาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าก็ดันมีรูปมันแปะอยู่
ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าเค้าจะคิดค่าปรับไหมเพราะไอ้รวยมากมันซื้อคอนโดเป็นของตัวเองเอาไว้ส่วนผมก็แค่ผู้อาศัยมันไล่เมื่อไหร่ก็ต้องไป
L
แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเดินออกมาแปะแป้งเสริมหล่อที่ดูยังไงก็เกือบสวย… พอจะเปิดประตูห้องรูปไอ้เอียนก็โผล่มาอีกดีอย่างที่มันถ่ายคู่กับผม!!!
ล็อกห้องเสร็จเรียบร้อยผมก็ลงไปด้านล่างเพื่อที่จะเดินไปยังป้ายรถเมล์
โดยปกติถ้าวันไหนที่ผมมีเรียนพร้อมไอ้เอียนก็จะได้ติดรถมันไปมหาลัยแต่ถ้าไม่ผมก็นั่งวินหรือไม่ก็รถเมล์แล้วแต่อารมณ์และความสะดวก
แต่ส่วนมากไอ้พอจะขับรถมารับผมซะมากกว่าครับ
ยืนรอรถเมล์อย่างใจจดใจจ่อสักพักมันก็มาผมเดินขึ้นไปนั่งที่ริมหน้าต่างซึ่งมีที่นั่งแค่คนเดียวหยิบไอโฟนเน่าๆ
ขึ้นมาก่อนจะเสียบหูฟังแล้วก็ฟังเพลง
ผมฟังมันไม่ทันจบเสียงของเทคโนโลยีที่เรียกว่าไลน์ก็ร้องเตือน
เอียนเลว : เฮ้ย!
เย็นนี้กูจะกลับห้องเร็วจะแดกอะไรไหมเดี๋ยวซื้อไปฝาก…
ผมเจ็บจังเลยครับ
มันใส่ใจผมดูแลผม แต่แค่ทำทุกอย่างในฐานะเพื่อนก็เท่านั้น!
พายแรด : เย็นนี้ไม่อยู่ห้อง!
กูมีนัด…
ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับว่าทำไมชื่อไลน์ผมกับมันถึงเป็นแบบนี้
ก็เพราะไอ้เอียนเป็นคนตั้งส่วนผมก็แอบเอาของมันมาตั้งบ้าง มันเห็นแรกๆ
ก็บ่นแต่พอผมบอกว่าถ้ามันเปลี่ยนผมก็จะเปลี่ยน มันเลยยอม…
เอียนเลว : ไปไหน?
ไปกับใคร? กลับก่อนเที่ยงคืนไหม? ไม่งั้นกูเฉาตาย…
ผมแอบดีใจนะครับที่มันถามว่าไปไหน
ไปกับใคร? แต่จุดประสงค์สุดท้ายผมกลับยิ้มอย่างเจ็บปวดเพราะในสมองมันมีแค่เรื่องเดียว
พายแรด : ผัว!!
เอียนเลว : พายแรด!
แมร่ง!
ผมไม่ได้กดอ่าน…แต่ก็เห็นว่าไอ้เอียนพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วซึ่งมันด่าผมว่าแรดแต่จะว่าไปผมชินแล้ว
แถมไอ้คำสบถตอนท้ายเพื่ออะไรครับ…
เลือกที่จะไม่สนใจก่อนจะเลื่อนเพลงฟังไปเรื่อยๆ
จนสุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงเพลง…
เพื่อนรัก
รักเพื่อน
เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อน
ฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน
จริงจริงแล้วคำนั้นมันห่างไกล
เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศ
ที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป
ไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม ว่าใครรักเธอ
ฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน
จริงจริงแล้วคำนั้นมันห่างไกล
เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศ
ที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป
ไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม ว่าใครรักเธอ
ตอกย้ำกันจริงๆ
เลยนะ…
ย้ำเข้าไป ย้ำให้เจ็บให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยสิ!!! L
ผมกำลังเดินผ่านผู้คนในห้างฯ
ดังแห่งหนึ่ง… ทุกคนล้วนแล้วแต่หันมามองผมอย่างกับว่าเป็นตัวประหลาดแนะครับ
ผมไม่สนใจรีบเดินไปยังร้านอาหารที่นัดไว้กับไอ้พอเพียง
ขนาดผมรีบแล้วนะครับแต่มันมานั่งรอผมหน้าเสล่อเชียวครับ
“มาช้านะมึง!” มันพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของผม
ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามกับมันก่อนจะยิ้มให้
!!!
“ไม่ต้องเสือกยิ้ม
ถ้าในใจมึงร้องไห้อยู่” ผมเกลียดไอ้พอเพียงชะมัดเลยครับ
ทำไมมันถึงพูดจาแทงใจดำผมได้ขนาดนี้นะเนี่ย
“เรื่องของกู…”
“ปากดี!
เดี๋ยวก็โทรมาร้องไห้กับกูอีกหรอก ฮาๆๆๆๆ”
ป๊าบ!
ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปตบหัวไอ้พอเพียงทันทีเมื่อมันหัวเราะรวนกับสภาพจิตใจของผมในตอนนี้
เรานั่งคุยกันสักพักมันก็พาผมออกจากห้างฯ ทั้งๆ
ที่ผมเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำไป
พอถามว่าจะพาไปไหนมันก็ไม่ยอมบอกแถมตอนนี้ผมกับมันก็เตร่กันจนฟ้ามืดแล้ว
“พากูมาที่ไหนเนี่ย?”
“พามาแรด!” มันยิ้มหวานหน้าตายมากเลยทีเดียว ก่อนจะลุกจากรถผมจึงต้องรีบลงตามก่อนจะวิ่งไปหามันที่กำลังเดินนำเข้าไปด้านไหน
“ไม่ต้องตกใจที่นี่ผับพี่กูเอง
อิอิ J”
ตั้งแต่รู้จักกันมาถึงผมจะรู้ว่ามันมีพี่ชายและฐานะทางบ้านที่ดีพอสมควร
แต่ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักเพราะมันเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด
“พี่มึงชื่ออะไรวะ?”
“พอดี!”
ตระกูลพอหรือไงวะเนี่ย?
ไอ้พอเพียงจูงมือผมก่อนจะลากเข้าไปข้างในซึ่งตอนนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับเพราะยังไม่ใช่เวลาผับเปิด
จะมีก็แต่พนักงานมากกว่า ไอ้พอลากผมขึ้นบันไดไปชั้นบนก่อนจะมาโผล่อยู่ที่ห้องๆ
หนึ่งซึ่งพอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าพี่ชายมันกำลังนั่งอยู่ด้านใน
หล่อ…
แม้จะมีโครงหน้าคล้ายๆ
กับไอ้พอเพียงก็ตามแต่ไอ้หมอนี่มันออกจะหน้าสวยซะมากกว่า
ส่วนพี่ของมันก็น่าหล่อเข้มแถมโหด!
“ใครนะ?”
“เพื่อนกู
ชื่อพาย…” พี่น้องคู่นี้เค้าคุยกันเหมือนเพื่อนเลยนะครับ
ผมยกมือไหว้พี่ชายของไอ้พอเพียงในฐานะที่เค้าอายุมากกว่าพี่มันรับไหว้ก่อนจะชวนผมนั่งลง
“นึกยังไงถึงมาที่นี่”
“อยากพาเพื่อนมาแรด”
“ปากมึงเหรอนั่น!” ไอ้พอเพียงไม่สนใจสายตาดุๆ
ของพี่ชายมันซะด้วยซ้ำแต่ผมนี่สิเห็นรังสีความวุ่นวายมาแต่ไกลเลยละครับ
“ว่าแต่เรานะ
คิดยังไงถึงไปคบไอ้พอเพียง!”
ถามโคตรตรงเลยครับพี่
ผมก็ยิ้มสิครับ…
“ผมไม่ได้คิดหรอกครับ
แต่เห็นว่าเราคล้ายกันมั้งเลยคบๆ ไป” ผมตอบพี่พอดีไปตามความรู้สึกนึกคิดพี่มันเองก็ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อ
“โธ่!
ไอ้พาย… กูจะถือว่ามึงชมละกัน”
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
จนถึงเวลาผับเปิดไอ้พอเพียงมันก็ลากผมลงไปนั่งดื่ม
สายตาทุกคนกำลังจับจ้องมาที่พวกเราสองคน
แต่ผมว่ามองไอ้พอคนเดียวมากกว่าก็ตอนนี้มันเล่นดื่มหนักกว่าผมแถมยังเต้นเป็นเจ้าข้าว
แค่เวลาไม่ถึงชั่วโมงมันก็เมาซะแล้ว -_-*
“จะให้พี่ไปส่งบ้านไหม?”
เสียงของพี่พอดีดังขึ้นมา
ผมเงยหน้าไปมองก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบแม้ว่าตอนนี้ผมจะรู้สึกมึนๆ นิดหน่อยก็ตาม…
แต่ผมก็ยังโอเคและกลับบ้านเองได้
“ผมยังไหวฮะ!
พี่รีบพาไอ้พอเพียงกลับไปก่อนที่มันจะอาละวาดดีกว่า”
“งั้นกลับดีๆ
ละ”
“ครับ”
พี่พอดีหิ้วตัวไอ้พอเพียงออกไป
เท่านี้ก็เหลือแค่ผมคนเดียวที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย…และคิดว่าตอนนี้ไอ้เอียนกำลังทำอะไรอยู่?
เอียนเลว : ทำไมไม่อ่านไลน์กู
นั่งแรดอยู่ที่ไหนละ?
มือถือผมสั่นขึ้นมาพอหยิบมาดูก็เห็นว่าไอ้เอียนส่งไลน์เข้ามาเมื่อ
10
นาทีก่อน… ผมเปิดอ่านก่อนจะตอบคำถามมัน
พายแรด : ไม่อยากอ่าน…
เรื่องของกู!
“งั้นเหรอ?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น