วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

PLEASE! #22 จากกันด้วยรัก




PLEASE! 22
         จากกันด้วยรัก         


พาย
ความรักและผู้ชายคนนี้จะอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป
ผมรักเอียนมากและมั่นใจว่ามากที่สุด แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ หากแต่เวลาที่ผมขอกับมันไปกลับผ่านไปอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน ถ้านึกย้อนไปวันนั้นที่ไอ้เก้ายอมสารภาพทุกอย่างให้ผมฟัง
“กูไม่ได้แตะต้องมึงไปมากกว่าจูบ” ผมยังนึกภาพตัวเองที่ร้องสะอื้นได้เป็นอย่างดีกับความจริงที่ได้รับรู้ ผมมีความสุขสุดๆ ไปเลยทีเดียวเพราะอย่างน้อยร่างกายนี้ก็มีแค่ไอ้เอียนคนเดียวที่ได้แตะต้องมัน
“อะอึก! ทำไม”
“กูอยากเห็นมึงเจ็บปวดบ้าง มึงบอกว่ารักกูแต่กลับพูดถึงไอ้เอียนเหมือนมึงพยายามรัก” ผมมองหน้าไอ้เก้าด้วยความรู้สึกแย่ๆ ผมเคยรักมันแต่ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงรัก แต่พอความรู้สึกมันเริ่มเปลี่ยนไป ผมบอกไอ้เอียนไปว่ารักไอ้เก้าสุดท้ายคนที่เริ่มถอยห่างออกไปจากผมกลับเป็นไอ้เอียน
เหมือนผมเพิ่งรู้ว่าคนที่ตัวเองรักมาโดยตลอดคือไอ้เอียน!!!
“กูขอโทษ”
“รับผิดชอบสิพาย รับผิดชอบในสิ่งที่ทำให้กูต้องเจ็บปวดเดือนหน้ากูต้องไปอิตาลี”
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม? ขอเวลาแค่กูสอบเสร็จกูจะรับผิดชอบจนกว่ามึงจะพอใจ!!” ผมยอมแพ้และต้องยอมรับอย่างไม่มีทางเลือก ในเมื่อผมเองที่เป็นคนผิดตั้งแต่แรก
ผมก็แค่ต้องรับผิดชอบ
ผมกลับมาหาไอ้เอียนทั้งน้ำตา กอดมันอย่างอบอุ่นเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ผมไม่เคยคิดเลยว่าเวลาแค่น้อยนิดของพวกเราจะผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ความทรงจำมากมายกลับสร้างอะไรหลายๆ อย่างให้กับเราสองคน
ผมจากมาพร้อมกับต้นไม้ที่มันซื้อให้หรือจะเปรียบต้นนี้ก็คือทุกอย่างของเอียน
“อย่าลืมพายพายจะไม่ลืมเอียน! ผมพูดกับมันที่กำลังนอนหลับอยู่ก่อนจะกดจูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน
ผมเดินออกมาด้วยความเศร้าผมจัดกระเป๋าแค่ใบเล็กเท่านั้นเหมือนผมจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมสอบเสร็จแล้วและผมก็คาดว่าตัวเองคงจะเรียนจบแล้ว เหลือก็แต่ทำเรื่องทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยผมหวังว่ามันจะยอมให้ผมกลับมา

เมืองเวนิส, อิตาลี
นี่คือสถานที่ที่ผมมายืนอยู่ มันผ่านไปอย่างรวดเร็วหนึ่งเดือนแล้วสินะ ทำไมมันถึงผ่านไปอย่างทรมานเหลือเกินแต่เพราะความสวยของสายน้ำและเมืองนี้ละมั้งทำให้ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเดินเล่น ผมอยู่กับไอ้เก้าก็จริงแต่มันไม่เคยแตะต้องผมหรือจะพูดให้ถูกเพราะผมระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเลยมากกว่า
ตอนแรกที่ผมโทรไปบอกที่บ้านพวกท่านก็ไม่เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่มีเวลามากพอจะอธิบายเพราะหลังจากวันนั้นผมก็ขาดการติดต่อกับทุกคน หลังจากที่กลับมาถึงห้องพักผมก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องและเขียนไดอารี่เอาไว้ในทุกๆ วันตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่เมืองนี้
และวันนี้ก็เป็นไดอารี่อีกหน้าหนึ่งกับความรู้สึกที่ผมอยากบอกใครคนนั้น

ต่อให้รักมากแค่ไหนสุดท้ายระยะทางกลับพรากเราให้ห่างหาย กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่มันไม่เคยพรากหัวใจดวงนี้ไปจากใครคนนั้นเลย
รักตลอดไป Forget me not!’
15.05.57
พาย
ผมปิดมันลงก่อนจะเก็บไว้ในลิ้นชัก ผมแทนชื่อเอียนว่าใครคนนั้นในทุกๆ หน้าของไดอารี่ที่ได้เขียนใครที่ไม่รู้อาจไม่เข้าใจว่าผมหมายถึงใครแต่สำหรับผมรู้และจดจำตลอดเวลา เนื้อหาที่ผมเขียนลงไปก็คล้ายกันหมดทุกๆ คำนั่นแหละครับ
ผมเลือกไม่ได้ แต่ผมจะอยู่ให้ได้เพราะหัวใจผมได้ฝากไว้ที่ใครอีกคนแล้ว
ผมรู้ว่าทุกคนอาจจะเกลียดไอ้เก้าก็ได้ แต่อย่าไปโทษมันฝ่ายเดียวไม่ว่าจะผมหรือเอียนก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น แค่เราไม่รู้ว่าในทุกๆ เหตุผลมันมีเส้นใยอะไรบางๆ มากั้นกลางอยู่หรือเปล่า ในบางครั้งมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไปแต่นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสุดท้ายสำหรับผมกับเอียนและเก้าก็ได้
สุดท้ายแล้วหัวใจของใครจะเจ็บปวดมากกว่ากัน ผมพร้อมจะยอมรับและแน่นอนทุกๆ คนก็ด้วย ผมก็แค่อยากให้ใครหลายๆ คนให้โอกาสมันเหมือนที่ผมกำลังทำอยู่และกำลังให้โอกาสตัวเองแต่คงให้โอกาสที่จะรักใหม่ไม่ได้แล้ว!!!
นาฬิกาไม่เคยเดินย้อนกลับ เหมือนกับผมแต่มันจะหยุดเดินเมื่อถ่านหมดหรือว่าพังลงไป ก็คิดซะว่าการหยุดเดินคือการได้พักผ่อนและพร้อมจะเดินใหม่เมื่อเปลี่ยนถ่านหรือซ่อมมัน เวลาไม่เคยรอใคร? พวกเราต่างหากที่รอเวลา

“อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า พรุ่งนี้กูไม่มีเรียนนะ”
เสียงไอ้เก้าดังขึ้นมาหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องเพื่อกินมื้อค่ำกับมัน มันมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเรียนต่อผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเมืองนี้แต่อย่างน้อยมันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผมกับไอ้เอียนอยากมาด้วยกันมากที่สุด แต่ความฝันนี้เป็นของไอ้เอียนไม่ใช่ผม
“ไม่ละ แล้วเรียนเป็นไงบ้าง” ผมบอกปฏิเสธก่อนจะตั้งคำถามออกไป
“นึกว่ามึงจะไม่สนใจซะแล้ว” มันแอบแขวะผมก่อนจะแสยะยิ้ม “ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ช่วงนี้อาการเริ่มหนาวแล้วถ้าจะออกไปเดินเล่นก็ใส่เสื้อหนาๆ ออกไปหน่อยนะ” ไอ้เก้าบอกจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้มันทำให้ผมอึดอัดจนต้องก้มหน้ากินอาหาร มันห่วงใยผมทุกอย่างทั้งๆ ที่มันเองก็รู้ดีว่าผมรู้สึกยังไง
ผมมาอยู่กับมันได้เดือนกว่าแล้ว ความรู้สึกมันจบลงแค่คำว่าเพื่อนแต่เพราะผมต้องรับผิดชอบ
ผมรู้แล้วว่ามันเหงาและทรมานมากแค่ไหนกับการที่ต้องปฏิเสธคนที่ตัวเองรักแล้วจากมา รู้แล้วว่าตอนนั้นไอ้เก้าเจ็บปวดมากแค่ไหนถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากทำให้มันเสียใจเหมือนกัน แต่มานึกอีกทีมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
ผมคิดถึงรอยยิ้มของใครคนนั้นอีกแล้วน้ำเสียงห่วงใยก็ด้วย
“อยากกลับบ้านเหรอ?” เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นมาเหมือนคำพูดนี้ถูกปิดกั้นไว้นานแต่บัดนี้ถูกพูดออกมาแล้ว
“ไม่หรอก! มันยังเจ็บไม่พอกับสิ่งที่มึงเจอมา
“กูรู้สึกแย่นะพาย รู้ว่าพามาได้แค่ตัวแต่รักกูอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ?” คำถามอ้อนวอนใบหน้าเศร้าจ้องมองผม คำพูดประโยคเดิมๆ ที่ผมไม่สามรถตอบตกลงได้สักที
“แค่นี้ก็พอแล้วเก้า อย่าลืมสิว่ากูอยู่กับมึง”
“ได้มาแค่ตัว เหมือนกูเป็นตัวร้ายเลยนะ” ไอ้เก้าฝืนยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน มันเดินมาหาผมขยี้หัวไปมา “กูไปอ่านหนังสือก่อนละกัน”
นี่ละมั้งชีวิตของผมในเมืองนี้ผมพยายามเข้าใจและจะอยู่กับมันจนกว่าไอ้เก้าจะยอมปล่อยผมไปจริงๆ อย่านึกโกรธหรือว่าร้ายมันเลยครับเพราะผมเชื่อเสมอว่าสุดท้ายแล้วมันเองก็เจ็บไปไม่ต่างจากผมและก็ไอ้เอียนเลย
J ต้องยิ้มเข้าไว้สินะถึงจะถูก

ตอนเช้าที่ผมตื่นมาก็เจอไอ้เก้ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นอกระเบียง ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปหามันอย่างน้อยเราก็อยู่ด้วยกันจะทำเหมือนไม่รู้จักกันคงไม่ได้ บางทีผมควรทำดีเข้าใจเพื่อชดเชยสิ่งแย่ๆ เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่เคยทำร้ายผมจริงๆ สักครั้ง
“นั่งเรือไปเที่ยวเกาะบูราโน่กัน พากล้องไปด้วยนะ” ไอ้เก้าดูจะงงๆ กับคำพูดของมัน “จะไม่ไปเหรอ?”
“ไปสิ” มันว่าแล้วลุกขึ้นเอาหนังสือไปเก็บก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา ผมเดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่พกติดตัวมาด้วยเอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไอ้เก้าเป็นคนนำทางเพราะถึงยังไงผมก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่สักเท่าไหร่
“นึกยังไงถึงอยากไปละ”
“เปิดเจอในอินเตอร์เน็ตอยากไปเห็นบ้านที่มีสีสันเผื่อจะได้รูปสวยๆ นะ” ผมว่าก่อนจะเดินตามมันไปแต่ไอ้เก้ากลับเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้เพราะคนเริ่มมาก ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกอย่างกลัวหลงด้วยครับ
“อืม, ไปขึ้นเรือกันแต่คนจะเยอะนะ” มันว่าแล้วจับมือผมเดินไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราขึ้นมานั่งบนเรือกันแล้วใช้เวลาในการเดินทางแค่ไม่นานก็มาถึง
วินาทีแรกที่ได้เห็นผมรู้สึกมีความสุขมากๆ เลยครับเพราะมันสวยอย่างที่คิดไว้จริงๆ เลยด้วยไม่เสียแรงที่อยากออกมา แต่ชักจะหิวแล้วสิเพราะก่อนออกมาก็ไม่ได้กินอะไรมาด้วย
ความคิดในตอนนั้นก็แค่ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกมัน
“ไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”
“ไปสิ” ผมยิ้มให้มันก่อนจะเดินตามไป แต่ก็ไม่ลืมถ่ายรูปภาพต่างๆ ที่ได้เดินผ่านไปมา

มันสวยและผมอยากจะมาอีก ขอแค่สักครั้งที่ความฝันของผมกับใครคนนั้นเป็นจริง!



แชะ! แชะ!
ผมกดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ หลังจากที่พวกเรานั่งกินข้าวกันจนเสร็จ ไอ้เก้าก็พาผมไปเดินเที่ยวชมทั้งเกาะนี้เลยก็ว่าได้เราใช้เวลาเกือบทั้งวันกับการกินเที่ยวแล้วก็ถ่ายรูปอยู่ที่นี่ ผมรู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองมีความสุขมากๆ
ใช่! มันคือความสุขจริงๆ
“อยากอาบน้ำก่อนกินข้าวมั้ย?” เสียงของไอ้เก้าดังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่พวกเราสองคนกลับมาถึงห้องเรียบร้อยแล้ว ท่าทางของมันเหมือนจะมีความสุขมากๆ เลยด้วยพอๆ กับผมนั่นแหละครับ ครั้งนี้ผมไม่ได้สร้างภาพแต่มันคือความจริง
“ก็ดีเหมือนกัน” ผมตอบกับมันไปก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้อง ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปในห้องน้ำทันทีเปิดน้ำอุ่นตั้งไว้แล้วลงไปนอนแช่ในอ่างรู้สึกได้ถึงความสบายของร่างกายสุดๆ ไปเลยเพราะวันนี้เดินเที่ยวทั้งวันมันเหนื่อยมากๆ
พออาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาแต่งตัวโดยไม่ลืมเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบสมุดไดอารี่ขึ้นมาเขียนมันอีกครั้ง

นี่สินะที่เรียกว่าความสุขอีกครั้งกับการได้เที่ยวและทำอะไรหลายๆ อย่างที่ชอบ แม้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างกายจะไม่ใช่คนที่ฝันเอาไว้ หากแต่ความสุขมันก็ต่างกันออกไปคนละแบบรอยยิ้มที่คิดว่าจะไม่มีมันอีกกลับกลายเป็นว่ายิ้มเบิกบานอย่างสุขใจ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่อดทนแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เรายังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม? เก้า
16.05.57
พาย

ผมปิดไดอารี่ลงอีกครั้งก่อนจะเก็บมันไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม ผมรู้สึกได้ทันทีว่าครั้งนี้ที่ผมเขียนลงไปเพื่อไอ้เก้าคนเดียว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ที่แน่ๆ ผมอยากเขียน
Forget me not! เริ่มผลิดอกให้ได้เห็นดูสวยงามและมีความสุขมากๆ ทุกครั้งที่ได้มองมัน ผมจะยิ้มและยิ้มอย่างนี้ตลอดไป

ฮัดเช้ย!
เสียงจามดังขึ้นมาหลังจากที่ผมเดินออกจากห้อง พอๆ กับเสียงของไอ้เก้าที่เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนแต่พอรู้ว่าผมเดินมามันก็กดวางสายแล้วเดินตรงมาหาผมที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอาหาร
“ไม่สบายเหรอ” ผมถามมันในฐานะที่เราอยู่ด้วยกัน
“เปล่านี่ กินข้าวเถอะ” เหมือนมันกำลังฝืนยิ้มให้ผมก่อนที่จะชวนกินข้าว แต่ท่าทางของมันดูไม่ดีเลยครับดูแย่มากๆ จนผมไม่มีอารมณ์กินข้าวเลยก็ว่าได้
“โกหกไม่เก่งเลยนะ รอนี่ละกันจะไปซื้อยามาให้”
ผมว่าแต่ไอ้เก้าเหมือนกำลังจะห้ามผมเองก็ไม่ยอมฟังเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมันสวมก่อนจะเดินออกจากห้องเพราะไม่ไกลจากห้องพักมีร้านยาที่เปิดให้บริการอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง ที่รู้เพราะช่วงที่มาอยู่นี่แรกๆ ผมไม่สบายบ่อยจนต้องกินยาเกือบทุกวันและไอ้เก้าก็ไม่ชอบซื้อยามาเก็บไว้ด้วยครับ

เก้า
ผมมีความจริงจะบอกผมสบายดีไม่ได้ป่วยอะไรที่จามก็แค่แสดงละคร รู้อะไรไหมหลังจากที่ไอ้พายเดินออกไปแล้วผมก็เดินเข้ามาในห้องของมันห้องที่มีแค่ประตูและกำแพงกั้นผมเอาไว้
ผมไม่เคยแตะต้องมันหรือทำอะไรไปมากกว่าจับมือเลยละครับ วันนี้ผมมีความสุขมากๆ ที่ได้ไปเที่ยวกับมันรู้อะไรไหมที่ผมเข้ามาในห้องนี้ก็เพื่อจะหยิบไดอารี่ของมันมาอ่าน ผมรู้ว่ามันเริ่มเขียนตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่เพราะช่วงหลังๆ ผมแอบเข้ามาอ่านทุกวันที่มันไม่อยู่
ไดอารี่วันนี้ของมันทำให้ผมดีใจและมีความสุขมากๆ เพราะทุกคำที่สื่อออกมาคือผมแม้ว่าบางช่วงจะอยากให้เป็นไอ้เอียนก็ตามและคำถามสุดท้ายของมัน
เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย? เก้า
ผมพร้อมจะตอบแล้วครับพร้อมมาตั้งนานแล้วด้วยเพราะผมบอกกับตัวจริงมันไปแล้วว่าผมมีความสุขมากพอ เวลาแค่หนึ่งเดือนมันก็คงพอๆ กับที่ผมให้เวลาไอ้พายนั่นแหละ!!!
รีบกลับมาสิเพราะกูรู้ว่าใจมึงอยู่ไทยมาโดยตลอด

“เก้ามึงทำอะไรนะ” เสียงของไอ้พายดังขึ้นมาทันที คงเพราะเห็นว่าประตูห้องของตัวเองเปิดอยู่ละมั้งครับและแน่นอนผมก็ตั้งใจด้วย ผมถือไดอารี่ที่มันเขียนเอาไว้หันกลับไปมองหน้าท่าทางของไอ้พายเหมือนกำลังตกใจ
“อยากกลับบ้านสินะ กลับเมืองไทยนะ” ผมตั้งคำถามไอ้พายจ้องหน้าผมนิ่งๆ
“ไดอารี่นี่นะ ถ้าวันไหนมึงเผลอกูก็เข้ามาอ่านทุกวัน”
” ผมชูไดอารี่ที่ถืออยู่ในมือให้ไอ้พายก่อนจะยื่นไปตรงหน้า มันรับเอาไว้กอดไว้จนแน่นมองหน้าผมแบบไม่พอใจมากๆ ก็แน่สิครับผมดันเป็นขโมยซะนี่
“เขียนถึงไอ้เอียนทุกหน้า”
“กูขอโทษ” มันเริ่มพูดบ้างแล้ว
“ขอโทษทำไม? เพราะหน้าสุดท้ายมึงเขียนให้กูอยากรู้คำตอบไหมพาย”
“เก้า!
“เรานะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมตลอดไป”
“อะอึก ฮือๆ ขอโทษ” ไอ้พายเริ่มร้องไห้แล้วพูดว่าขอโทษ
“กูขอโทษนะที่ทำร้ายมึง ทำร้ายเอียนแต่หนึ่งเดือนนี้กูมีความสุขมาก คงเหมือนกับหนึ่งเดือนที่มึงกำลังอยู่เพื่อจาก” ผมว่าน้ำตาไอ้พายเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ผมมองหน้ามันก่อนจะขยับเข้าไปหายื่นมือไปเกลี่ยน้ำตาให้
“กูแทนเอียนไม่ได้และกูก็ไม่อยากเป็นตัวแทน”
“ฮือๆ”
“หนึ่งเดือนนี้ที่มึงอยู่กับกูเอียนคงเจ็บปวดมากแต่มันเองก็เข้มแข็งกว่าที่กูคิด มันใจเย็นมากๆ ที่ไม่มาแย่งมึงกลับไปซะก่อน”
“หมายความว่ายังไง?” ไอ้พายเริ่มงงกับคำพูดของผม ก็แน่ละสิมีมันคนเดียวนี่ครับที่ไม่รู้อะไรเลย
“กลับไปสิ เมืองไทยนะคำตอบรออยู่!
“เก้า”
“ขอบคุณ ขอโทษ ขอให้มีความสุขมากๆ เพื่อน” ผมยื่นพาสปอร์ตและตั๋วเครื่องบินให้กับมัน ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันวันนี้ก็ตามแต่ผมก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะปล่อยให้มันกลับไปวันนี้
จริงๆ มันคือความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วละครับ ก็แค่หนึ่งเดือนถ้าทำให้รักไม่ได้เราก็ต้องปล่อยเค้าไป เราทำร้ายเค้ามามากพอแล้วเราแยกคนที่รักกันมานานเกินไป
“เก้า”
“อย่ามัวแต่ร้องไห้สิ อีกสองชั่วโมงเครื่องจะออกไม่ไปส่งนะกลัวทำใจไม่ได้” ไอ้พายยื่นมือมารับพาสปอร์ตกับตัวเครื่องบินไป มันยิ้มให้ผมก่อนจะโผล่เข้ากอด
“ต้นไม้นี่กูขอนะ ความหมายมันดีแต่อย่าลืมเพื่อนอย่างกูละกัน”
“ใครจะลืม ขอบคุณมาก”
“หึ, กูอยากเป็นพระเอกบ้างเป็นตัวร้ายมานานแล้ว” ผมผละออกจากมันก่อนจะขยี้หัวไอ้พายเล่นเหมือนเมื่อก่อน
ถ้าเราไม่รักกัน
ถ้าความรู้สึกมันหยุดแค่คำว่าเพื่อนตั้งแต่แรก
วันนี้พวกเราคงยืนกันอยู่สามคน แต่ในเมื่อมันเกิดมีความรักขึ้นมาขั้นกลาง
มีสามก็คงไม่ได้ เพราะความรักมันมีได้แค่สองคนเท่านั้น!!!
“รีบไปได้แล้วเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก ป่านนี้รถที่กูเรียกไว้คงมารออยู่แล้ว” ไอ้พายยิ้มให้ผมอีกแล้วครับมันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับครั้งแรกของพวกเราเลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมนึกถึงรอยยิ้มในตอนนั้น
เก้าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปเอียนด้วยนะ
ชิส์! ใครจะอยากเป็นเพื่อนตลอดไป
ได้สิ! เป็นเพื่อนกันตลอดไป
ถ้าในวันนั้นผมกล้าพอที่จะพูดแบบไอ้เอียน วันนี้ผมคงไม่ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ผมรู้แล้วว่าผมสู้ไอ้เอียนไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะมันไม่เคยคิดจะเป็นเพื่อนกับไอ้พายตลอดไปอยู่แล้วนี่ครับ
แล้วเป็นไงสุดท้ายมันก็ทำได้ ส่วนผมก็แค่ต้องรักษาคำพูดในตอนนั้น
เพื่อนกันตลอดไปสินะ
“อืม, ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“พร้อมเมื่อไหร่จะกลับไป ไม่สิเรียนจบจะกลับไปหา” ผมว่าไอ้พายยิ้มให้เดินไปจัดกระเป๋าแต่มันก็เลือกที่จะเก็บไปเฉพาะของส่วนตัวและของใช้จำเป็นเท่านั้นถึงยังไงเสื้อผ้าพวกนี้ผมก็เลือกซื้อให้เท่านั้นแถมเมืองไทยมันร้อนเอากลับไปก็คงไม่ได้ใส่อยู่ดี
“เดินทางปลอดภัยนะครับเพื่อนพาย”
“ครับ”
สุดท้ายก็ไปแล้วสินะเฮ้อ! ยังไงดีละแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าความสุขของจริงเพราะเราไม่ได้ทำร้ายคนที่ดีแถมยังเป็นเพื่อนที่รักอีกต่างหาก

“มีความสุขให้สุดๆ ไปเลยละ ถ้าไม่จะกลับไปแย่งคืน” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ข้อความนี้ส่งไป “ขอบคุณเพื่อน” และนี่ก็ด้วย
“แน่นอน ครั้งนี้ไม่ยอมให้ง่ายๆ แล้ว ข้อความตอบกลับมาเหมือนจะกวนประสาทแต่นี่ละมั้งตัวตนจริงๆ ที่ไอ้พายรัก “ขอให้เจอรักแท้ในดินแดนแห่งสายน้ำ
ที่ผมเลือกเมืองนี้ก็เพราะไอ้เอียน ที่ผมพามานี่ก็เพราะมันขอร้องพาไอ้พายมาก็จริงแต่เหมือนพวกเราอยู่ด้วยกันสามคนเพราะผมพาหัวใจมาถึงสองดวงในคนๆ เดียวกัน

เฮ้อ!
อกหักสินะ ใครบอกเพราะไม่เคยได้รักต่างหาก!
ผมยิ้มขำให้กับตัวเองก่อนจะเดินออกไปข้างนอก บรรยากาศตอนนี้มันหนาวสุดๆ ไปเลยละครับหายใจที่ควันออกจากปาก สะพานและสายน้ำ
หึ! สถานที่ที่ทุกข์แค่ไหนหากได้มองมันก็มีความสุขได้เสมอ

“ฮือๆ ไอ้บ้า” เสียงใครแต่ที่แน่ๆ เป็นคนไทยและเหมือนกำลังจะเสียใจอยู่ด้วยครับ ผมขมวดคิ้วเรียวก่อนจะมองสังเกตไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเพราะมันมืดมากแต่แล้วบุคคลที่ร้องไห้และเปล่งเสียงนั้นออกมาก็โผล่ออกจากความมืดทันทีพร้อมกับร่างที่กำลังจะกระโดดลงน้ำ
“เฮ้ย!” ผมร้องอุทานอย่างตกใจก่อนจะพุ่งเข้าไปหาด้วยความเร็ว

หมับ!
เร็วเท่าความคิดจริงๆ เพราะถ้าผมช้ากว่านี้ร่างเล็กที่ผมกอดอยู่อาจจะกระโดดลงไปแล้วก็ได้
“ฮือๆ ปล่อยนะ” ท่าทางจะฤทธิ์เยอะใช่เล่น
“จะทำอะไร?”
“จะลงไปเก็บเงิน เมื่อกี้ไม่รู้ใครที่ไหนมันวิ่งมาชนรู้ไหมว่านั้นก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว” ผมถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียวเมื่อน้ำเสียงเล็กสะอื้นนี้เอ่ยออกมาด้วยความโกรธต่อใครคนหนึ่งที่ชนเข้ากับตนจนทำให้เงินตกลงไปในแม่น้ำ
“นึกว่าจะฆ่าตัวตาย”
“จะบ้าเหรอ? แต่ตอนนี้คงไม่ต้องฆ่าก็ตายจริงๆ แล้วมั้งเพราะไม่มีเงิน” หมอนี่ว่าดันตัวออกจากผมแล้วลุกขึ้นยืน ผมมองหน้าไม่ถนัดเลยครับเพราะมันมืดแถมยังอยู่ในที่อับแสงไฟอีกต่างหาก “ขอบคุณที่ช่วย”
“ไปอยู่กับฉันไหม? จนกว่าจะหางานทำได้” ไม่รู้ทำไมถึงอยากช่วย แต่ประโยคนี้ไม่ได้ตั้งใจแต่มันออกไปเอง
“เราไม่รู้จักกัน” หมอนี่นิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมา
“แต่เราเป็นคนไทยเหมือนกัน มีอะไรก็ช่วยกัน”
“ถ้าอยากช่วยจริงๆ ทำไมคุณไม่จ้างผมทำงานบ้านละ”
“หืม, ทำเป็นรึไง?”
“ทุกอย่าง ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนหรือข้าวกิน งั้นกลับเถอะผมหนาวจะแย่” หมอนี่ว่าก่อนจะเอื้อมมือมารั้งฝ่ามือของผมเอาไว้จับประสานไว้จนแน่นทำยังกับว่ากลัวผมจะเปลี่ยนใจแล้วปล่อยเค้าไปยังไงยังงั้นแหละครับ
ก็ไม่รู้สิ! แต่คิดถูกแล้วใช่ไหมที่พากลับไปด้วย
เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ทำไมใบหน้าที่เปื้อนสิ่งสกปรกอะไรหลายๆ อย่างถึงทำให้ผมรู้สึกดีนะ ยิ่งมองยิ่งมีความสุขเหมือนว่าไม่เคยเสียไอ้พายไปเลย

“ถูกลักพาตัวมา แถมยังทำงานในผับ”
“ใช่! แต่หนีออกมาได้ ลำบากแทบแย่” หลังจากที่กลับมาถึงห้องผมก็ให้หมอนี่ไปอาบน้ำใช้ห้องที่ไอ้พายเคยใช้นั่นแหละครับ ร่างที่สกปรกพอสะอาดแล้วดูน่ารักขึ้นมาทันทีแถมตัวยังเท่าไอ้พายอีกต่างหากเสื้อผ้าของมันเลยเสร็จหมอนี่จนหมด
“งั้นเหรอ? เก่งดีนี่”
“จริงเหรอ, รู้ไหมมีแต่คนด่าแต่คุณชมผม” J หมอนี่ยิ้มอย่างมีความสุขยื่นมือมาเกาะแขนผมเอาไว้ก่อนจะกินข้าวต่อ
“ฉันชื่อเก้าไม่ต้องเรียกว่าคุณหรอก แล้วนายละ?”
“ไม่มีชื่อหรอก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชื่ออะไรเพราะคนที่นี่เรียกแบบจิกหัวใช้มีลุงใจดีบอกว่าถูกพาตัวมาแต่เด็กๆ นะ”
“หึ!” ผมแสยะยิ้มขำมองหน้าหมอนี่แล้วส่ายหัวไปมากับท่าทางไร้เดียงสา
“งั้นผมเรียกคุณว่าพี่เก้านะ ส่วนผมแล้วแต่จะเรียก”
“ไว้คิดออกแล้วจะบอก กินเสร็จก็ไปนอนพักในห้องซะฉันจะไปอ่านหนังสือหน่อยฝันดีละ”
“ฝันดีเหรอ” หมอนี่มองหน้าผมด้วยแววตาใสซื่อมากๆ เหมือนกับเด็ก ผมยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่ไม่รู้ทำไมมือถึงอยากขยี้หัวเด็กคนนี้เล่นนัก ท่าทางผมจะไม่เบื่อแล้วสิครับ
ไม่รู้คิดถูกไหม? แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่แย่หรอกนะครับ





____________________________
ครบแล้วนะคะ...
ในธัญวลัยแป้งจะอัพแค่นั้น จนกว่าจะอยากอัพต่อ
เบื่อพวกชอบพูดจาหยาบคาย เม้นได้ไม่ว่าแต่ควรให้เกียรติกัน!!!!

มันไม่ได้แย่เสมอไปหรอก ถ้ารอจนหาบทสรุปได้จริง...
ขอบคุณค่ะ
^^

ปอลอ.ตัวหนังสืออาจจะติดกันนะคะ เพราะไม่ได้เว้นวรรคแต่งติด...