PLEASE!
13
งอน
ง้อ…
พาย
ผมนั่งร้องไห้อยู่ตั้งนานกว่าจะได้ทำงานของตัวเองจะอะไรซะอีกละถ้าไม่ใช่ไอ้เอียนเลวมันทำ…
ผมแอบดีใจที่มันอยากนอนกอดผมแต่ที่เสียใจตรงที่มันเอาแต่เงียบทั้งๆ
ที่นั่นไม่ใช่นิสัยของมันเลย ไอ้เอียนจะชอบโวยวายเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจแต่วันนี้มันกลับเงียบและยอม
ฮัดชิ้ว!!!
เสียงจามดังขึ้นมาจากด้านหลังพอหันไปมองก็เห็นว่าไอ้เอียนมันนั่งกอดเข่าจามใหญ่เลยละครับ
ท่าทางมันจะหนาวก็ผมดันผลักมันตกน้ำไปนี่ครับ
แถมมันยังแช่น้ำอยู่ตั้งนานกว่าจะขึ้นมา…
หยิ่งไปก็เท่านั้น
เพราะถึงยังไงผมก็มีส่วนผิด!”
“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนสิ…” ผมบอกก่อนจะยื่นเสื้อของตัวเองที่เพิ่งหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าให้มันไป
“ไม่ละ?
มึงรีบหาข้อมูลไปละกัน”
มันว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนแถมทำท่าจะเดินห่างออกไปจากผมอีกต่างหาก
เหมือนไอ้เอียนพยายามจะตีตัวออกห่างผมเลยละครับ
“เอียน…” ผมก้มหน้าต่ำเรียกชื่อมันเสียงเบา
ผมรู้ว่าตอนนี้มันกำลังโกรธหรือไม่ก็น้อยใจที่ผมผิดสัญญาแล้วกลับไปนอนที่บ้าน
“…………………………..”
“กูรู้นะว่ามึงโกรธที่กูจะกลับไปนอนบ้าน
แต่กู…”
“เลิกพูดเถอะ!
รีบหาข้อมูลทำรายงานได้แล้ว” สุดท้ายไอ้เอียนก็ตัดบทเหมือนว่ากำลังโกรธผมอยู่เลยละครับ…
ความเงียบเข้ามา
ผมอยู่กับมันแต่เหมือนต้องอยู่คนเดียว
ผมไม่มีสมาธิหาข้อมูลเลยเพราะยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรดีก็ได้แต่เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ถ่ายมาซะเยอะแถมไม่ดีสักภาพ ก็ใจมันสั่นมือก็พลอยสั่นไปด้วยแล้วแบบนี้งานผมจะเสร็จไหม?
=_=!
L
ฮัดชิ้ว!!!!
และที่สำคัญเพราะเสียงจามของไอ้เอียนทำให้ผมเป็นห่วงมันจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี
อยากคุยกับมันแต่ที่ไหนได้กลับหยิ่งไม่ยอมคุยกับผม
งื้ออออออออออ!!!
จะทำยังไงดีเนี่ย
ผมไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน?
!!!!!!!
“กูได้ข้อมูลครบแล้ว”
โกหก!
ผ่านไปแค่ไม่ถึงยี่สิบนาที
ถ้าผมหาข้อมูลได้ครบก็เทพแล้ว… แต่เปล่าเลยผมไม่มีสมาธิทำต่างหาก
วินาทีนี้ขอเรียกสติกลับมาก่อนจะดีกว่า
“อืม!
จะให้ไปส่งบ้านไหม?”
“………………………………….” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้เอียนแทบอยากจะร้องไห้
เพราะมันไม่โวยวายเหมือนตอนแรกที่ผมบอกว่าจะกลับไปนอนบ้าน
แถมท่าทางของมันก็ไม่แคร์ด้วย…
ผมไม่ดีใจเลย
แต่จะทำอะไรได้ก็ผมเป็นคนต้องการเองแท้ๆ นอกจากจะยอมรับ!
“ไม่ต้อง!
เดี๋ยวกลับเอง”
อื้อ…
ไอ้เอียนแค่ครางเล็กก่อนจะเดินนำผมออกไปจากบริเวณน้ำตกที่เรายืนกันอยู่
ผมแทบอยากจะกระโดนก้านคอมันเลยทีเดียว…
แบนปากจิ๊ปากทำหน้าเซ็ง!
ก็เท่านั้นเพราะไอ้เอียนมันไม่เห็น
ฮึย!!!
เป็นคนทำให้มันโกรธเองแท้ๆ แต่ที่ไหนได้ดันมาเศร้าเอง
อยากจะบ้าไอ้พายแรด
L
!!!
ตุบ!
ปัง!
“เฮ้ย!
ไอ้น้องบ้าแกถีบประตูห้องพี่ทำไม” เสียงของพี่พีร้องดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่นั่งทำงานหัวหมุนอยู่ในห้องหันมามองผมที่โยนกระเป๋าสะพายลงพื้นพร้อมกับบาทาที่ถีบเข้ากับประตูห้องของพี่ชายเต็มๆ
“พี่พี
พายอยากฆ่าคน!!!!!!!”
ผมเน้นย้ำก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงของพี่ชาย…
พี่มันมองหน้าผมแบบแปลกๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผม
หมับ!
“มึงกำลังบ้า!”
มือหนาวางลงบนไหล่ผมอย่างจังพร้อมกับน้ำเสียงเหมือนอยากจะสมน้ำหน้าและแน่นอนพี่พีไม่เคยแทนชื่อผมว่ามึงถ้าไม่อยากสมน้ำหน้าหรือสะใจอะไรจริงๆ
“ออกไปจากห้องพี่ได้แล้วจะทำงาน แล้วนี่เอียนไม่มาด้วยเหรอ”
“อย่าพูดถึงมันได้ไหม
เกลียด!”
“เกลียดจริงแล้วค่อยมาพูดกัน”
“พี่พี!!!
ชิส์!”
ผมหันไปตะโกนเรียกชื่อพี่ชายอย่างดังก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ไม่ลืมปิดประตูซะดังกว่าเดิม
ไม่พังหรอกเพราะประตูบ้านผมมันทนทานดีเหลือเกิน
หลังจากที่ไปอาละวาดกับพี่ชายเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง
นี่ก็ปาเข้าไปจะเย็นแล้วพี่กับแม่คงอยู่ที่ไร่
ผมเลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากห้องเข้าครัวเพื่อทำอาหารรอพวกท่าน
แต่ที่ไหนได้พอมาถึงครัวแม่ก็ยืนทำกับข้าวอยู่แล้ว
“แม่”
“อ้าวพาย
ทำไมไม่พักละลูก”
“พายกะจะทำกับข้าวไว้รอพ่อกับแม่”
“ไม่ต้องเลย ไปนั่งดูทีวีรอก่อนสิ
เสร็จแล้วแม่จะเรียก”
ท่านบอกผมด้วยรอยยิ้มเป็นเชิงเหมือนไล่แต่เปล่าหรอกเพราะท่านคงคิดว่าผมเหนื่อย
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านไอ้เอียนผมก็โทรมาบอกแม่แล้วว่าจะไปหาข้อมูลทำรายงานก่อนจะมาหาท่าน
เปิดทีวีดูก็มีแต่ข่าว
มันทำให้ผมเบื่อจนต้องหยิบโทรศัพท์เครื่องที่ไอ้เอียนให้ขึ้นมากดปลดล็อค กดเบอร์…
ลังเลอยู่ว่าจะโทรดีไหม?
แต่เสียใจ…
กดโทรไปซะแล้ว!!!!!
ตู๊ดด
ด ด ดดด ด
เสียงรอสายดังขึ้นนานพอสมควรก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะรับสายสักคน…
ไอ้เอียนมันไปไหนดีนะตอนที่ผมผลักมันตกน้ำโทรศัพท์ของมันอยู่ที่ผมไม่งั้นพังอดติดต่อกันพอดี
“สวัสดีครับพี่พาย”
ดีใจพอได้ยินเสียงเหมือนปลายสายกดรับยิ้มแก้มปริเชียวครับ
แต่ที่ไหนได้กลับไม่ใช่ไอ้เอียนแต่เป็นน้องเอม
“ครับ…
แล้วเอียนมันไปไหน?”
“อ๋อ!
พี่เอียนนะ… “
เสียงของน้องเอมขาดหายไปช่วงหนึ่งจนผมแปลกใจคิดว่าสายหลุดแต่พอยกหูโทรศัพท์ออกมาดูก็ไม่ใช่
“พี่เอียนอยู่ข้างนอกนะครับ”
ฮัดชิ้ว!
เหมือนผมจะได้ยินเสียงจาม
แล้วทำไมน้องเอมบอกว่าไอ้เอียนอยู่ข้างนอกละ…
“แล้วเสียงจามนั่น…”
“พ่อนะครับ
พอดีท่านนั่งอยู่ด้วย… ใช่ไหมครับพ่อ”
น้องเอมบอกผมเสียงกุกกักก่อนจะมีเสียงครางตอบกลับมา ผมก็เลิกสนใจไปนิดหน่อย
แต่ก็ไม่วายสงสัยอยู่ดีว่าใช่พ่อจริงๆ เหรอ
!!!
“พายกับข้าวเสร็จแล้วนะลูก”
“น้องเอมแค่นี้ก่อนนะครับ”
“ครับ”
ผมบอกกับน้องเอมไปหลังจากที่แม่ออกมาตามให้ไปกินข้าว
ความสงสัยยังมีมากมายบวกกับความเซ็งทั้งๆ ที่ผมน่าจะโกรธมันมากกว่า
แต่ที่ไหนได้มันกลับทำเหมือนว่ากำลังโกรธผมอยู่ พอโทรไปจะคุยด้วยก็ดันไม่อยู่…
แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน?
“กินข้าวนะ
ไม่ได้ให้กินอะไรแปลกๆ ทำไมสีหน้าเหมือนไม่อยากกิน”
เสียงของพี่พีแขวะผมมาแต่ไกลเลยละครับ ทั้งๆ ที่นั่งตรงข้ามกันแท้ๆ
ยังจะจิกกัดกันไม่เลิก
“ยุ่ง…” ผมทำเสียงไม่สบอารมณ์ใส่พี่พีแต่ก็นะมันกลับทำให้พี่ชายผมหัวเราะซะงั้น
“พีอย่าแกล้งน้อง
ว่าแต่เจ้าเอียนไปไหนพ่อไม่ได้เจอนานแล้วนะเนี่ย”
L
พ่อก็อีกคน ยิ่งพูดถึงไอ้เอียนก็ยิ่งทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะกินข้าวไปกันใหญ่ ทั้งๆ
ที่หิวสุดๆ
“นั่นนะสิ
แม่ว่าจะถามอยู่ เห็นตัวติดกันจะตาย”
“ทะเลาะกันนะครับพ่อแม่
พอเจ้าน้องตัวแสบกลับมาถึงบ้านก็เหวี่ยงผมทันที”
พี่พีฆ่าผมชัดๆ
สายตาพ่อกับแม่ก็หันมามองผมเป็นตาเดียวเลยละครับ
จะอะไรซะอีกก็ไอ้เอียนนะลูกรักของพวกท่านเลยช่วงวันหยุดหรือปิดเทอมมันมักจะมาช่วยงานที่บ้านผมบ่อยๆ
เพราะบ้านมันคนงานเยอะแล้ว และนั่นก็ทำให้พ่อกับแม่ผมรวมไปถึงพี่พีชอบขี้หน้ามันเวอร์ทุกคน
=_=!!!
“พี่พี!!!”
ผมจิกสายตาใส่พี่ชายก่อนจะทำเป็นไม่สนใจและกินข้าวต่อไปอย่างเอร็ดอร่อยแต่ไม่ยังจะมีความสุขอย่างที่คิด…
หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็เดินด้วยความเร็วร้อยห้าสิบแรงม้าขึ้นมาบนห้องทันที
ไม่ยอมถ้าไม่ได้คุยกับไอ้เอียนรับรองคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่นอน
เดินเข้าไปล้างหน้าแปลงฟันใหม่ก่อนจะออกมาข้างนอกระเบียงกดโทรศัพท์โทรหาไอ้เอียนทันที
ตู๊ดด
ด ดดด ด
เสียงลากยาวสายเกือบตัดไปแล้ว
แต่ก็มีเสียงคนรับดังขึ้นมาซะก่อน
“อื้อ…
ฮัลโหล!” เสียงงัวเงียเหมือนคนพึ่งจะตื่นดังขึ้นมา
ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมามองเล็กน้อยเพราะแปลกใจว่าจะใช่เบอร์ของไอ้เอียนไหม
แต่ก็ใช่นี่…
“นะ…
นอนแล้วเหรอ?” กล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามมันออกไป
“อืม…
ง่วง” สองทุ่มเนี่ยนะง่วง
ประสาทเพราะไอ้เอียนมันเป็นคนที่นอนดึงเอามากๆ สองทุ่มเนี่ยไม่ใช่เวลาของมันเลยละครับ
“โอเคไหม?
ทำไมเสียงแปลกๆ”
“อื้อ…” เอาแต่ครางตอบกลับมาในลำคอแล้วแบบนี้ผมจะรู้เหรอว่ามันโอเคไหม
เงียบไปสักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจของไอ้เอียน… มันก็คงคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดีแต่ก็ไม่ยอมวางสายพอๆ
กับผมนั่นแหละครับ
!!!
“พาย…” เสียงงัวเงียเมื่อกี้เริ่มหายไป ผมไม่ได้ตอบแต่ก็เงียบรอฟังมันพูดต่อ “นอนไม่หลับ
อยากกอดวะ!!”
แปะ
ๆ ๆๆ
น้ำตาหยดลงมาทันที
ใครว่ามันคนเดียวที่อยากจะกอด… ผมนี่โคตรๆ
เลยละครับ เพราะเคยชินที่จะนอนกอดมันแบบนี้อยู่ตลอดเวลา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไม่อยากให้อ้อมกอดนี้หายไป
“มะ เหมือนกัน…”
ยอมรับไปเถอะว่าผมเองก็อยากกอดมันเหมือนกันขืนทำตัวหยิ่งใส่กันไปเรื่อยๆ
มีหวังเราสองคนได้ทะเลาะกันยาวแน่นอน
ฮัดชิ้ว!!!
“เอียน…
ไม่สบายหรือเปล่า?” ผมถามเสียงเบาแต่ไอ้เอียนกลับไม่ตอบ
สายก็ถูกตัดไปพอผมกดโทรหามันเท่าไหร่ก็ไม่ติดเหมือนว่าโทรศัพท์จะถูกปิดเครื่องไปแล้ว…
และนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“อะ อึก
แค่บอกว่าอยากกอด ทำไมต้องวางสายด้วย”
ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพักก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง…
ตุบ!!!
แค่กๆ
ๆ ๆๆ
[O_O]
โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือตกพื้นแบบไม่ต้องคิด
ส่วนเสียงหอบหายใจนะไม่ใช่ของผมแต่เป็นของไอ้เอียน… ผมเบิกตากว้างตกใจสุดๆ
ถึงบ้านเราสองคนจะอยู่ไม่ไกลกันมากแต่คนอย่างไอ้เอียนไม่น่าจะมาเร็วขนาดนี้
แค่สิบนาทีเอง…
“วะ…”
หมับ!
“กูได้กอดแล้ว…” ผมไม่ทันได้ถามมันจบไอ้เอียนก็โผล่เข้ามากอดผมเอาไว้ซะแน่น หอบหายใจถี่ๆ
ติดขัดสุดๆ เลยละครับแถมน้ำเสียงของมันยังแหบโคตรๆ อีกต่างหากหรือว่ามันจะไม่สบาย
“วิ่งมาเหรอ?”
“มอเตอร์ไซต์
ที่เหนื่อยคงเพราะวิ่งขึ้นบันได… ฮัดชิ้ว!” สุดท้ายก็จามออกมาจนได้
และแน่นอนว่ามันไม่สบายชัวร์หรือเพราะผมที่ผลักมันตกน้ำไปเมื่อเช้า
“เอียนกินยารึยัง?”
ผมดันร่างมันออกก่อนจ้องหน้าตั้งคำถาม
“ไม่อยากกิน”
“มึงจะทำตัวดื้อแบบเด็กๆ
ไม่ได้นะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?”
ผมว่าก่อนจะจับมือมันแล้วพาเดินไปนั่งที่เตียง
ก่อนจะเดินไปหายาแก้ไข้มาให้มันกินพร้อมกับน้ำ… เหมือนในห้องผมจะครบวงจร
“กินสิ”
“ไม่กิน!”
“ถ้ามึงดื้อก็กลับบ้านไปเลย…” ผมว่าขึ้นเสียง จนมันต้องถอนหายใจแล้วกินยาที่ผมหยิบมาให้
พอกินเสร็จไอ้เอียนก็พาร่างกายของตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงผมทันที
“นี่!
จะนอนบ้านกูเหรอ?”
ผมร้องถามไอ้เอียนก็เงยผงกหัวขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าและนอนต่อ
“มานอนได้แล้ว
อยากกอด…
ง่วงแถมปวดหัว!”
ไอ้เอียนร้องบอกผมน้ำเสียงอ้อนสุดๆ
ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วยแต่นี่ดันมาป่วยเพราะถูกผมผลักตกน้ำ =-=!!!
จะสำนึกผิดดีไหม? แต่ก็แอบเขินที่มันบอกว่าอยากนอนกอดผม
“ปิดไฟก่อน”
ผมบอกก่อนจะเดินไปปิดไฟ
มืดสนิทเชียวพอเดินไปถึงเตียงไม่ทันได้ล้มตัวลงนอนไอ้เอียนก็ดึงผมลงไปนอนข้างๆ
มันซะก่อน
“พาย…
กอดหน่อยสิ”
-/////////////////////-
ให้ตายสิถ้ามันจะอ้อนผมขนาดนี้
เขินโว้ย!
อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ผมชอบที่มันอ้อนและพูดจาน่ารักมากกว่าที่มันพูดจาน่าตบซะอีก
“ปล่อยมือสิ
กูจะได้กอดมึง”
“อื้อ…
ไม่เอา!”
อะไรของมัน
อยากให้ผมกอดแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดผมเอาไว้แล้วแบบนี้ผมจะกอดมันได้เหรอ?
เราคุยกันรู้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย!!!
“ร้อนวะ…” มันบ่นตลอดเวลาที่นอนกอดผมอยู่ ไม่สบายแท้ๆ
มันต้องหนาวสิแต่ทำไมถึงร้อนได้ ก็ไม่แปลกเพราะถึงยังไงไอ้เอียนมันก็เป็นคนขี้ร้อน…
ไม่ทนทุกสภาพเลย!!!
“บ้านกูไม่มีแอร์
มีแต่แอร์ธรรมชาติจากหน้าต่าง”
ขนาดพัดลมผมยังไม่เปิดเลยครับเพราะว่าผมเป็นคนขี้หนาว ไม่ชอบอะไรเย็นๆ
เลยไม่สบายบ่อย
“ติดไหม?
เดี๋ยวติดให้”
“อย่ามาอวดรวย
นอนไปเลย…
เดี๋ยวกูตบ!!!”
ผมแอบขึ้นเสียงใสมันนิดหน่อยเพราะอยากให้มันพักผ่อนสักที แต่ที่ไหนได้ยังพูดมากไม่ยอมหยุดแล้วแบบนี้จะหายป่วยเหรอ
แถมพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ อีก
ดีอย่างที่กลับช่วงบ่ายไอ้เอียนจะได้พักนานๆ หน่อย
“ดุจัง”
“เอียนมึงไม่สบายอยู่นะ
หยุดพูดแล้วนอนไปซะ!!!”
“อยากคุยกับมึงนี่…” มันกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมแถมยังขยับเข้ามาใกล้ผมจนจะทับผมอยู่แล้วละครับ
ถ้าตื่นมาพรุ่งนี้ใครเห็นเข้าคงคิดว่าผมกับมันรวมร่างกันแน่นอนเลย
“พรุ่งนี้ตื่นมาค่อยคุย!” ผมเริ่มขึ้นเสียงเพราะไอ้เอียนพูดไม่รู้เรื่องเข้าทุกที
“โกรธกูไหมที่งี่เง่า…”
“เอียน…” ผมละเหนื่อยใจกับมันจริงๆ เลยครับจะรู้บ้างไหมว่าคนอื่นเป็นห่วง
“กูขอโทษนะ”
ไม่ยอมหยุดแถมยังพูดจาที่ทำให้ผมคิดมากอีกต่างหาก ผมทำตัวงี่เง่ากับมันก่อนแท้ๆ
แต่ที่ไหนได้กลับมาพูดจาแบบนี้จนผมรู้สึกผิดไปเลยทีเดียว
“นอนได้แล้ว
กูเป็นห่วง”
“อื้อ…
เดี๋ยวค่อยนอนคุยกันก่อนสิ”
“เอียน
ทำไมมึงดื้อแบบนี้ละ?”
ผมว่าก่อนจะดันตัวมันออกแล้วลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงก็เห็นว่าไอ้เอียนมันยังไม่หลับแถมยังนอนลืมตาจ้องผมอยู่อีกต่างหาก
ก่อนจะค่อยๆ
ยันตัวเพื่อลุกขึ้นนั่งผมเลยต้องออกแรงดันให้มันนอนลงแต่กลับถูกดึงให้ล้มลงไปนอนทับร่างมันด้วย
“กูไม่อยากห่างมึงเลย
แค่คิดก็แทบบ้า… เพราะอะไร?”
“-/////////////////////////////-“
ถามมาแบบนี้เขินจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
=_=!
“ทำไมกูรู้ตัวช้าจังวะ
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้… เราคงไม่ต้องปิดบังครอบครัว”
ขออึ้งก่อนได้ไหม?
ไอ้เอียนมันไม่สบายจนเพ้อไปแล้วใช่ไหมครับ
ทำไมพูดจาจนผมเขินและขนลุกแบบนี้
“มึงเพ้อแล้วน่ะ”
“เพ้อบ้าสิ
กูอยากจะพูด… ถ้าเขินก็ฟังอย่างเดียวพอ”
มีด่ากลับทั้งๆ ที่สภาพของตัวเองก็แทบเอาไม่รอด
ผมก็เลยต้องยอมมันแล้วนอนทับร่างหนาที่ตัวร้อนจี๋ฟังสิ่งที่มันอยากจะพูด
“…………………………………”
“กูไม่รู้ว่าทำตัวแย่ๆ
ไปมากแค่ไหนแล้ว… พอมาลองคิดดูกูก็ทำร้ายมึงตลอดเวลา
ถ้าสักวันมึงทำให้กูเจ็บบ้าง… กูจะอยู่ได้ปะว่ะ!”
L
พูดแบบนี้มันเรียกน้ำตาชัดๆ
จะมาพูดอะไรซึ้งๆ ตอนนี้ว่ะเนี่ย?
“…………………………………”
“ถ้ามีใครมาแย่งมึงไป
กูก็จะแย่งคืน… ก็มึงเป็นของกูคนเดียวนี่พายแรด”
น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ
มันไหลไปถูกร่างของไอ้เอียนที่ผมนอนทับอยู่
“………………………………..”
“ร้องไห้เหรอ?
กูทำมึงร้องอีกแล้วสิน่ะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย!” ผมร้องเถียง
เสียงไอ้เอียนก็ร้องขำจนร่างผมขยับไปตามแรงหายใจของมันเลยทีเดียวละครับ
“พาย…
กูรักมึงน่ะ!”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
เขินเวอร์แล้วคืนนี้จะนอนหลับไหม?
จุ๊บ
>////<
ไอ้เอียนมันกดจูบที่หน้าผากผมหนักๆ
ก่อนจะดันตัวผมออกห่างและยิ้มให้สายตามันผ่านแสงไฟหัวเตียงเปื่อยมากๆ เลยทีเดียว
“แค่นี้พอเดี๋ยวมึงจะติดไข้จากกู
ยิ่งอ่อนแออยู่”
“ไอ้บ้า!
นอนได้แล้ว…”
ผมว่าเขินสุดๆ
ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแขนข้างหนึ่งก็กอดมันเอาไว้ซะแน่นเลยทีเดียว
คราวนี้ผมได้กอดมันจริงๆ แล้วละครับหลังจากที่ไอ้เอียนดื้อไม่ยอมนอน
แต่พอได้พูดเสร็จเสียงมันก็เงียบไปทันที
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะกดจูบที่ปลายคางเบาๆ
ทำแบบนี้เขินสุดๆ เลยละครับ
“กูก็รักมึง
รักมาก…
ฝันดีนะเอียน”
แรงกอดจากเอวผมแน่นขึ้นราวกับว่ามันยังไม่หลับ
ไอ้เอียนนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยละครับ… แต่ผมก็รักที่สุด J
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น