วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

PLEASE! #13 งอน ง้อ…




PLEASE! 13
งอน ง้อ




พาย
ผมนั่งร้องไห้อยู่ตั้งนานกว่าจะได้ทำงานของตัวเองจะอะไรซะอีกละถ้าไม่ใช่ไอ้เอียนเลวมันทำผมแอบดีใจที่มันอยากนอนกอดผมแต่ที่เสียใจตรงที่มันเอาแต่เงียบทั้งๆ ที่นั่นไม่ใช่นิสัยของมันเลย ไอ้เอียนจะชอบโวยวายเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจแต่วันนี้มันกลับเงียบและยอม

ฮัดชิ้ว!!!
เสียงจามดังขึ้นมาจากด้านหลังพอหันไปมองก็เห็นว่าไอ้เอียนมันนั่งกอดเข่าจามใหญ่เลยละครับ ท่าทางมันจะหนาวก็ผมดันผลักมันตกน้ำไปนี่ครับ แถมมันยังแช่น้ำอยู่ตั้งนานกว่าจะขึ้นมา
หยิ่งไปก็เท่านั้น เพราะถึงยังไงผมก็มีส่วนผิด!
“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนสิ” ผมบอกก่อนจะยื่นเสื้อของตัวเองที่เพิ่งหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าให้มันไป
“ไม่ละ? มึงรีบหาข้อมูลไปละกัน” มันว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนแถมทำท่าจะเดินห่างออกไปจากผมอีกต่างหาก เหมือนไอ้เอียนพยายามจะตีตัวออกห่างผมเลยละครับ
“เอียน” ผมก้มหน้าต่ำเรียกชื่อมันเสียงเบา ผมรู้ว่าตอนนี้มันกำลังโกรธหรือไม่ก็น้อยใจที่ผมผิดสัญญาแล้วกลับไปนอนที่บ้าน
…………………………..
“กูรู้นะว่ามึงโกรธที่กูจะกลับไปนอนบ้าน แต่กู
“เลิกพูดเถอะ! รีบหาข้อมูลทำรายงานได้แล้ว” สุดท้ายไอ้เอียนก็ตัดบทเหมือนว่ากำลังโกรธผมอยู่เลยละครับ
ความเงียบเข้ามา ผมอยู่กับมันแต่เหมือนต้องอยู่คนเดียว ผมไม่มีสมาธิหาข้อมูลเลยเพราะยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรดีก็ได้แต่เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ถ่ายมาซะเยอะแถมไม่ดีสักภาพ ก็ใจมันสั่นมือก็พลอยสั่นไปด้วยแล้วแบบนี้งานผมจะเสร็จไหม?
=_=!
L

ฮัดชิ้ว!!!!
และที่สำคัญเพราะเสียงจามของไอ้เอียนทำให้ผมเป็นห่วงมันจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี อยากคุยกับมันแต่ที่ไหนได้กลับหยิ่งไม่ยอมคุยกับผม
งื้ออออออออออ!!!
จะทำยังไงดีเนี่ย ผมไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน?
!!!!!!!
“กูได้ข้อมูลครบแล้ว”
โกหก!
ผ่านไปแค่ไม่ถึงยี่สิบนาที ถ้าผมหาข้อมูลได้ครบก็เทพแล้วแต่เปล่าเลยผมไม่มีสมาธิทำต่างหาก วินาทีนี้ขอเรียกสติกลับมาก่อนจะดีกว่า
“อืม! จะให้ไปส่งบ้านไหม?”
………………………………….” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้เอียนแทบอยากจะร้องไห้ เพราะมันไม่โวยวายเหมือนตอนแรกที่ผมบอกว่าจะกลับไปนอนบ้าน แถมท่าทางของมันก็ไม่แคร์ด้วย
ผมไม่ดีใจเลย แต่จะทำอะไรได้ก็ผมเป็นคนต้องการเองแท้ๆ นอกจากจะยอมรับ!
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวกลับเอง”
อื้อ
ไอ้เอียนแค่ครางเล็กก่อนจะเดินนำผมออกไปจากบริเวณน้ำตกที่เรายืนกันอยู่ ผมแทบอยากจะกระโดนก้านคอมันเลยทีเดียว
แบนปากจิ๊ปากทำหน้าเซ็ง!
ก็เท่านั้นเพราะไอ้เอียนมันไม่เห็น ฮึย!!! เป็นคนทำให้มันโกรธเองแท้ๆ แต่ที่ไหนได้ดันมาเศร้าเอง อยากจะบ้าไอ้พายแรด
L
!!!

ตุบ!
ปัง!
“เฮ้ย! ไอ้น้องบ้าแกถีบประตูห้องพี่ทำไม” เสียงของพี่พีร้องดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงที่นั่งทำงานหัวหมุนอยู่ในห้องหันมามองผมที่โยนกระเป๋าสะพายลงพื้นพร้อมกับบาทาที่ถีบเข้ากับประตูห้องของพี่ชายเต็มๆ
“พี่พี พายอยากฆ่าคน!!!!!!!
ผมเน้นย้ำก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงของพี่ชายพี่มันมองหน้าผมแบบแปลกๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผม
หมับ!
“มึงกำลังบ้า!
มือหนาวางลงบนไหล่ผมอย่างจังพร้อมกับน้ำเสียงเหมือนอยากจะสมน้ำหน้าและแน่นอนพี่พีไม่เคยแทนชื่อผมว่ามึงถ้าไม่อยากสมน้ำหน้าหรือสะใจอะไรจริงๆ “ออกไปจากห้องพี่ได้แล้วจะทำงาน แล้วนี่เอียนไม่มาด้วยเหรอ”
“อย่าพูดถึงมันได้ไหม เกลียด!
“เกลียดจริงแล้วค่อยมาพูดกัน”
“พี่พี!!! ชิส์!
ผมหันไปตะโกนเรียกชื่อพี่ชายอย่างดังก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ไม่ลืมปิดประตูซะดังกว่าเดิม ไม่พังหรอกเพราะประตูบ้านผมมันทนทานดีเหลือเกิน
หลังจากที่ไปอาละวาดกับพี่ชายเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินกลับเข้าห้องตัวเอง นี่ก็ปาเข้าไปจะเย็นแล้วพี่กับแม่คงอยู่ที่ไร่ ผมเลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากห้องเข้าครัวเพื่อทำอาหารรอพวกท่าน แต่ที่ไหนได้พอมาถึงครัวแม่ก็ยืนทำกับข้าวอยู่แล้ว
“แม่”
“อ้าวพาย ทำไมไม่พักละลูก”
“พายกะจะทำกับข้าวไว้รอพ่อกับแม่”
“ไม่ต้องเลย ไปนั่งดูทีวีรอก่อนสิ เสร็จแล้วแม่จะเรียก” ท่านบอกผมด้วยรอยยิ้มเป็นเชิงเหมือนไล่แต่เปล่าหรอกเพราะท่านคงคิดว่าผมเหนื่อย เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านไอ้เอียนผมก็โทรมาบอกแม่แล้วว่าจะไปหาข้อมูลทำรายงานก่อนจะมาหาท่าน
เปิดทีวีดูก็มีแต่ข่าว มันทำให้ผมเบื่อจนต้องหยิบโทรศัพท์เครื่องที่ไอ้เอียนให้ขึ้นมากดปลดล็อค กดเบอร์ลังเลอยู่ว่าจะโทรดีไหม?
แต่เสียใจกดโทรไปซะแล้ว!!!!!
ตู๊ดด ด  ด ดดด ด
เสียงรอสายดังขึ้นนานพอสมควรก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะรับสายสักคนไอ้เอียนมันไปไหนดีนะตอนที่ผมผลักมันตกน้ำโทรศัพท์ของมันอยู่ที่ผมไม่งั้นพังอดติดต่อกันพอดี
“สวัสดีครับพี่พาย” ดีใจพอได้ยินเสียงเหมือนปลายสายกดรับยิ้มแก้มปริเชียวครับ แต่ที่ไหนได้กลับไม่ใช่ไอ้เอียนแต่เป็นน้องเอม
“ครับแล้วเอียนมันไปไหน?”
“อ๋อ! พี่เอียนนะ“ เสียงของน้องเอมขาดหายไปช่วงหนึ่งจนผมแปลกใจคิดว่าสายหลุดแต่พอยกหูโทรศัพท์ออกมาดูก็ไม่ใช่ “พี่เอียนอยู่ข้างนอกนะครับ”
ฮัดชิ้ว!
เหมือนผมจะได้ยินเสียงจาม แล้วทำไมน้องเอมบอกว่าไอ้เอียนอยู่ข้างนอกละ
“แล้วเสียงจามนั่น
“พ่อนะครับ พอดีท่านนั่งอยู่ด้วยใช่ไหมครับพ่อ” น้องเอมบอกผมเสียงกุกกักก่อนจะมีเสียงครางตอบกลับมา ผมก็เลิกสนใจไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่วายสงสัยอยู่ดีว่าใช่พ่อจริงๆ เหรอ
!!!
“พายกับข้าวเสร็จแล้วนะลูก”
“น้องเอมแค่นี้ก่อนนะครับ”
“ครับ”
ผมบอกกับน้องเอมไปหลังจากที่แม่ออกมาตามให้ไปกินข้าว ความสงสัยยังมีมากมายบวกกับความเซ็งทั้งๆ ที่ผมน่าจะโกรธมันมากกว่า แต่ที่ไหนได้มันกลับทำเหมือนว่ากำลังโกรธผมอยู่ พอโทรไปจะคุยด้วยก็ดันไม่อยู่แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน?
“กินข้าวนะ ไม่ได้ให้กินอะไรแปลกๆ ทำไมสีหน้าเหมือนไม่อยากกิน” เสียงของพี่พีแขวะผมมาแต่ไกลเลยละครับ ทั้งๆ ที่นั่งตรงข้ามกันแท้ๆ ยังจะจิกกัดกันไม่เลิก
“ยุ่ง” ผมทำเสียงไม่สบอารมณ์ใส่พี่พีแต่ก็นะมันกลับทำให้พี่ชายผมหัวเราะซะงั้น
“พีอย่าแกล้งน้อง ว่าแต่เจ้าเอียนไปไหนพ่อไม่ได้เจอนานแล้วนะเนี่ย”
L พ่อก็อีกคน ยิ่งพูดถึงไอ้เอียนก็ยิ่งทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะกินข้าวไปกันใหญ่ ทั้งๆ ที่หิวสุดๆ
“นั่นนะสิ แม่ว่าจะถามอยู่ เห็นตัวติดกันจะตาย”
“ทะเลาะกันนะครับพ่อแม่ พอเจ้าน้องตัวแสบกลับมาถึงบ้านก็เหวี่ยงผมทันที”
พี่พีฆ่าผมชัดๆ สายตาพ่อกับแม่ก็หันมามองผมเป็นตาเดียวเลยละครับ จะอะไรซะอีกก็ไอ้เอียนนะลูกรักของพวกท่านเลยช่วงวันหยุดหรือปิดเทอมมันมักจะมาช่วยงานที่บ้านผมบ่อยๆ เพราะบ้านมันคนงานเยอะแล้ว และนั่นก็ทำให้พ่อกับแม่ผมรวมไปถึงพี่พีชอบขี้หน้ามันเวอร์ทุกคน =_=!!!
“พี่พี!!!” ผมจิกสายตาใส่พี่ชายก่อนจะทำเป็นไม่สนใจและกินข้าวต่อไปอย่างเอร็ดอร่อยแต่ไม่ยังจะมีความสุขอย่างที่คิด
หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็เดินด้วยความเร็วร้อยห้าสิบแรงม้าขึ้นมาบนห้องทันที ไม่ยอมถ้าไม่ได้คุยกับไอ้เอียนรับรองคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่นอน เดินเข้าไปล้างหน้าแปลงฟันใหม่ก่อนจะออกมาข้างนอกระเบียงกดโทรศัพท์โทรหาไอ้เอียนทันที
ตู๊ดด ด ดดด ด
เสียงลากยาวสายเกือบตัดไปแล้ว แต่ก็มีเสียงคนรับดังขึ้นมาซะก่อน
“อื้อฮัลโหล!” เสียงงัวเงียเหมือนคนพึ่งจะตื่นดังขึ้นมา ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมามองเล็กน้อยเพราะแปลกใจว่าจะใช่เบอร์ของไอ้เอียนไหม แต่ก็ใช่นี่
“นะนอนแล้วเหรอ?” กล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามมันออกไป
“อืมง่วง” สองทุ่มเนี่ยนะง่วง ประสาทเพราะไอ้เอียนมันเป็นคนที่นอนดึงเอามากๆ สองทุ่มเนี่ยไม่ใช่เวลาของมันเลยละครับ
“โอเคไหม? ทำไมเสียงแปลกๆ”
“อื้อ” เอาแต่ครางตอบกลับมาในลำคอแล้วแบบนี้ผมจะรู้เหรอว่ามันโอเคไหม เงียบไปสักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจของไอ้เอียนมันก็คงคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรดีแต่ก็ไม่ยอมวางสายพอๆ กับผมนั่นแหละครับ
!!!
“พาย” เสียงงัวเงียเมื่อกี้เริ่มหายไป ผมไม่ได้ตอบแต่ก็เงียบรอฟังมันพูดต่อ “นอนไม่หลับ อยากกอดวะ!!
แปะ ๆ ๆๆ
น้ำตาหยดลงมาทันที ใครว่ามันคนเดียวที่อยากจะกอดผมนี่โคตรๆ เลยละครับ เพราะเคยชินที่จะนอนกอดมันแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไม่อยากให้อ้อมกอดนี้หายไป
“มะ เหมือนกัน
ยอมรับไปเถอะว่าผมเองก็อยากกอดมันเหมือนกันขืนทำตัวหยิ่งใส่กันไปเรื่อยๆ มีหวังเราสองคนได้ทะเลาะกันยาวแน่นอน
ฮัดชิ้ว!!!
“เอียนไม่สบายหรือเปล่า?” ผมถามเสียงเบาแต่ไอ้เอียนกลับไม่ตอบ สายก็ถูกตัดไปพอผมกดโทรหามันเท่าไหร่ก็ไม่ติดเหมือนว่าโทรศัพท์จะถูกปิดเครื่องไปแล้วและนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“อะ อึก แค่บอกว่าอยากกอด ทำไมต้องวางสายด้วย”
ผมนั่งร้องไห้อยู่สักพักก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง

ตุบ!!!
แค่กๆ ๆ ๆๆ
[O_O]
โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือตกพื้นแบบไม่ต้องคิด ส่วนเสียงหอบหายใจนะไม่ใช่ของผมแต่เป็นของไอ้เอียนผมเบิกตากว้างตกใจสุดๆ ถึงบ้านเราสองคนจะอยู่ไม่ไกลกันมากแต่คนอย่างไอ้เอียนไม่น่าจะมาเร็วขนาดนี้ แค่สิบนาทีเอง
“วะ

หมับ!
“กูได้กอดแล้ว” ผมไม่ทันได้ถามมันจบไอ้เอียนก็โผล่เข้ามากอดผมเอาไว้ซะแน่น หอบหายใจถี่ๆ ติดขัดสุดๆ เลยละครับแถมน้ำเสียงของมันยังแหบโคตรๆ อีกต่างหากหรือว่ามันจะไม่สบาย
“วิ่งมาเหรอ?”
“มอเตอร์ไซต์ ที่เหนื่อยคงเพราะวิ่งขึ้นบันไดฮัดชิ้ว!” สุดท้ายก็จามออกมาจนได้ และแน่นอนว่ามันไม่สบายชัวร์หรือเพราะผมที่ผลักมันตกน้ำไปเมื่อเช้า
“เอียนกินยารึยัง?” ผมดันร่างมันออกก่อนจ้องหน้าตั้งคำถาม
“ไม่อยากกิน”
“มึงจะทำตัวดื้อแบบเด็กๆ ไม่ได้นะ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?” ผมว่าก่อนจะจับมือมันแล้วพาเดินไปนั่งที่เตียง ก่อนจะเดินไปหายาแก้ไข้มาให้มันกินพร้อมกับน้ำเหมือนในห้องผมจะครบวงจร
“กินสิ”
“ไม่กิน!
“ถ้ามึงดื้อก็กลับบ้านไปเลย” ผมว่าขึ้นเสียง จนมันต้องถอนหายใจแล้วกินยาที่ผมหยิบมาให้ พอกินเสร็จไอ้เอียนก็พาร่างกายของตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงผมทันที
“นี่! จะนอนบ้านกูเหรอ?” ผมร้องถามไอ้เอียนก็เงยผงกหัวขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าและนอนต่อ
“มานอนได้แล้ว อยากกอดง่วงแถมปวดหัว!
ไอ้เอียนร้องบอกผมน้ำเสียงอ้อนสุดๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วยแต่นี่ดันมาป่วยเพราะถูกผมผลักตกน้ำ =-=!!! จะสำนึกผิดดีไหม? แต่ก็แอบเขินที่มันบอกว่าอยากนอนกอดผม
“ปิดไฟก่อน” ผมบอกก่อนจะเดินไปปิดไฟ มืดสนิทเชียวพอเดินไปถึงเตียงไม่ทันได้ล้มตัวลงนอนไอ้เอียนก็ดึงผมลงไปนอนข้างๆ มันซะก่อน
“พายกอดหน่อยสิ”
-/////////////////////-
ให้ตายสิถ้ามันจะอ้อนผมขนาดนี้ เขินโว้ย! อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมชอบที่มันอ้อนและพูดจาน่ารักมากกว่าที่มันพูดจาน่าตบซะอีก
“ปล่อยมือสิ กูจะได้กอดมึง”
“อื้อไม่เอา!
อะไรของมัน อยากให้ผมกอดแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดผมเอาไว้แล้วแบบนี้ผมจะกอดมันได้เหรอ?
เราคุยกันรู้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย!!!
“ร้อนวะ” มันบ่นตลอดเวลาที่นอนกอดผมอยู่ ไม่สบายแท้ๆ มันต้องหนาวสิแต่ทำไมถึงร้อนได้ ก็ไม่แปลกเพราะถึงยังไงไอ้เอียนมันก็เป็นคนขี้ร้อน
ไม่ทนทุกสภาพเลย!!!
“บ้านกูไม่มีแอร์ มีแต่แอร์ธรรมชาติจากหน้าต่าง” ขนาดพัดลมผมยังไม่เปิดเลยครับเพราะว่าผมเป็นคนขี้หนาว ไม่ชอบอะไรเย็นๆ เลยไม่สบายบ่อย
“ติดไหม? เดี๋ยวติดให้”
“อย่ามาอวดรวย นอนไปเลยเดี๋ยวกูตบ!!!” ผมแอบขึ้นเสียงใสมันนิดหน่อยเพราะอยากให้มันพักผ่อนสักที แต่ที่ไหนได้ยังพูดมากไม่ยอมหยุดแล้วแบบนี้จะหายป่วยเหรอ แถมพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ อีก ดีอย่างที่กลับช่วงบ่ายไอ้เอียนจะได้พักนานๆ หน่อย
“ดุจัง”
“เอียนมึงไม่สบายอยู่นะ หยุดพูดแล้วนอนไปซะ!!!
“อยากคุยกับมึงนี่” มันกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมแถมยังขยับเข้ามาใกล้ผมจนจะทับผมอยู่แล้วละครับ ถ้าตื่นมาพรุ่งนี้ใครเห็นเข้าคงคิดว่าผมกับมันรวมร่างกันแน่นอนเลย
“พรุ่งนี้ตื่นมาค่อยคุย!” ผมเริ่มขึ้นเสียงเพราะไอ้เอียนพูดไม่รู้เรื่องเข้าทุกที
“โกรธกูไหมที่งี่เง่า
“เอียน” ผมละเหนื่อยใจกับมันจริงๆ เลยครับจะรู้บ้างไหมว่าคนอื่นเป็นห่วง
“กูขอโทษนะ” ไม่ยอมหยุดแถมยังพูดจาที่ทำให้ผมคิดมากอีกต่างหาก ผมทำตัวงี่เง่ากับมันก่อนแท้ๆ แต่ที่ไหนได้กลับมาพูดจาแบบนี้จนผมรู้สึกผิดไปเลยทีเดียว
“นอนได้แล้ว กูเป็นห่วง”
“อื้อเดี๋ยวค่อยนอนคุยกันก่อนสิ”
“เอียน ทำไมมึงดื้อแบบนี้ละ?”
ผมว่าก่อนจะดันตัวมันออกแล้วลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงก็เห็นว่าไอ้เอียนมันยังไม่หลับแถมยังนอนลืมตาจ้องผมอยู่อีกต่างหาก ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเพื่อลุกขึ้นนั่งผมเลยต้องออกแรงดันให้มันนอนลงแต่กลับถูกดึงให้ล้มลงไปนอนทับร่างมันด้วย
“กูไม่อยากห่างมึงเลย แค่คิดก็แทบบ้าเพราะอะไร?”
-/////////////////////////////-
ถามมาแบบนี้เขินจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว =_=!
“ทำไมกูรู้ตัวช้าจังวะ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้เราคงไม่ต้องปิดบังครอบครัว”
ขออึ้งก่อนได้ไหม?
ไอ้เอียนมันไม่สบายจนเพ้อไปแล้วใช่ไหมครับ ทำไมพูดจาจนผมเขินและขนลุกแบบนี้
“มึงเพ้อแล้วน่ะ”
“เพ้อบ้าสิ กูอยากจะพูดถ้าเขินก็ฟังอย่างเดียวพอ” มีด่ากลับทั้งๆ ที่สภาพของตัวเองก็แทบเอาไม่รอด ผมก็เลยต้องยอมมันแล้วนอนทับร่างหนาที่ตัวร้อนจี๋ฟังสิ่งที่มันอยากจะพูด
…………………………………
“กูไม่รู้ว่าทำตัวแย่ๆ ไปมากแค่ไหนแล้วพอมาลองคิดดูกูก็ทำร้ายมึงตลอดเวลา ถ้าสักวันมึงทำให้กูเจ็บบ้างกูจะอยู่ได้ปะว่ะ!
L
พูดแบบนี้มันเรียกน้ำตาชัดๆ จะมาพูดอะไรซึ้งๆ ตอนนี้ว่ะเนี่ย?
…………………………………
“ถ้ามีใครมาแย่งมึงไป กูก็จะแย่งคืนก็มึงเป็นของกูคนเดียวนี่พายแรด” น้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ มันไหลไปถูกร่างของไอ้เอียนที่ผมนอนทับอยู่
………………………………..
“ร้องไห้เหรอ? กูทำมึงร้องอีกแล้วสิน่ะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย!” ผมร้องเถียง เสียงไอ้เอียนก็ร้องขำจนร่างผมขยับไปตามแรงหายใจของมันเลยทีเดียวละครับ
“พายกูรักมึงน่ะ!
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
เขินเวอร์แล้วคืนนี้จะนอนหลับไหม?
จุ๊บ >////<
ไอ้เอียนมันกดจูบที่หน้าผากผมหนักๆ ก่อนจะดันตัวผมออกห่างและยิ้มให้สายตามันผ่านแสงไฟหัวเตียงเปื่อยมากๆ เลยทีเดียว
“แค่นี้พอเดี๋ยวมึงจะติดไข้จากกู ยิ่งอ่อนแออยู่”
“ไอ้บ้า! นอนได้แล้ว
ผมว่าเขินสุดๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแขนข้างหนึ่งก็กอดมันเอาไว้ซะแน่นเลยทีเดียว คราวนี้ผมได้กอดมันจริงๆ แล้วละครับหลังจากที่ไอ้เอียนดื้อไม่ยอมนอน แต่พอได้พูดเสร็จเสียงมันก็เงียบไปทันที
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะกดจูบที่ปลายคางเบาๆ ทำแบบนี้เขินสุดๆ เลยละครับ
“กูก็รักมึง รักมากฝันดีนะเอียน”
แรงกอดจากเอวผมแน่นขึ้นราวกับว่ามันยังไม่หลับ ไอ้เอียนนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เลยละครับแต่ผมก็รักที่สุด J

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น