วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

PLEASE! #5 ป่วย!


PLEASE! 5
ป่วย!




สภาพผมแทบลุกจากเตียงไม่ไหวเลยก็ว่าได้เจอไอ้เอียนกระทำชำเราไปแถมยังรู้สึกปวดหัวมากเลยทีเดียว มันเป็นเช้าที่ผมไม่อยากตื่นเลยครับ
L
“เอียนตื่นสิวะ” ผมกระพริบตาถี่ๆ มองหน้าคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงข้างกายผมมือข้างหนึ่งของมันก็ยังคงกอดผมอยู่
“อื้อ
“ตื่นสิ! ปวดหัว” การปลุกไอ้เอียนให้ตื่นโดยทันทีเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมหัวแทบแย่แต่มันกลับไม่สนใจ
“อย่ามายุ่ง!
ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับท่าทางของมันเหลือเกิน ผมพยายามลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อหายามากิน ในเมื่อเจ้าของห้องมันพึ่งพาไม่ได้ผมก็ต้องพึ่งตัวเอง ร่างกายจะพังทำไมถึงไม่มีแรงแบบนี้นะถ้ามันจะทรมานปานจะขาดใจตายไปตรงหน้าเพราะไอ้เอียนคนเดียวเลย
ผมเดินตรงไปยังตู้ยาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบยาลดไข้ออกมา ผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินยาแต่ไอ้เอียนนะหนักกว่าผมเยอะ
“อื้อปวดหัวชะมัด” พยายามก้าวขาเพื่อไปหาน้ำดื่มมากินยาแต่ร่างกายมันแทบจะไม่ไหว ผมรู้สึกเหมือนจะล้มลงไปกองกับพื้นให้ได้แถมยาลดไข้ที่ถืออยู่ก็เป็นขวดแก้วถ้ามันตกลงไปละก็มีสิทธิ์แตก
อ๊ะ!!

เพล้ง
สุดท้ายก็ไม่ทัน สมองผมมันเบลอมากๆ แถมร่างกายก็ทรงตัวแทบไม่อยู่แล้ว

หมับ!
“ให้ตายสิ! ทำไมถึงไม่ปลุกกู” เอวผมถูกรั้งไว้ด้วยลำแขนแกร่งของไอ้เอียนที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่พอมาถึงด่าผมทันที ทั้งๆ ที่ก่อนออกมาผมปลุกมันแล้ว
“กูปลุกมึงแล้วนะ แต่มึงไม่ตื่น”
“เฮ้อ! เออๆ กูขอโทษเดี๋ยวกูพาไปนั่งที่โซฟาละกัน” พูดจบมันก็พยุงผมให้เดินไปนั่งที่โซฟา พอนั่งได้ผมก็นอนลงทันทีไอ้เอียนเองก็นั่งยองๆ ลงตรงหน้าผมก่อนจะก้มหน้าต่ำลงมาจนหน้าผากเราแตะกัน
วิธีวัดไข้ของมันครับ =_=!
“ไม่สบายอีกแล้วเหรอ? มึงนี่อ่อนแอชะมัด” ผมผละออกไปก่อนจะเดินกลับไปที่ตู้ยา สักพักก็เดินกลับมาหาผมพร้อมทั้งยาและน้ำในมือ “ลุกไหวไหม? กินเสร็จก็พักผ่อนซะ”
“อือ” ผมพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะรับยาและน้ำจากมือมันมากิน พอกินเสร็จผมก็นอนลงเหมือนเดิมแทนที่จะกลับไปนอนในห้อง
“ไหวไหม?”
“หนาว“ ผมหลับตาลงก่อนจะกอดตัวเองครางอยู่อย่างนั้น สักพักรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะลอยได้ยังไงก็ไม่รู้พอลืมตามาดูก็เห็นว่าไอ้เอียนกำลังอุ้มผมกลับไปที่เตียงในห้อง มันวางผมลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้
“ทำไมไม่บอกให้กูเบาแอร์วะ มึงนี่จริงๆ เลย
“มึงชอบบ่นว่าร้อน แต่ก็ชอบกอดกูอยู่นั่นแหละ” ผมซุกหน้าลงกับแผงอกของมันไอ้เอียนเองก็กอดผมไว้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้กอดมึงกูนอนไม่หลับนี่พักผ่อนซะเดี๋ยวกูจะเบาแอร์แล้วนอนกอดมึง”
“อือ”
ผมครางตอบรับมันก่อนจะหลับไป แต่ผมว่าไอ้เอียนเองคงไม่ต่างกันเพราะท่าทางของมันเมื่อกี้เหมือนยังง่วงอยู่ ไอ้เอียนเป็นที่ไม่ชอบตื่นเช้ายกเว้นวันไหนที่มันตั้งใจเอาไว้จริงๆ ว่าต้องตื่นและวันที่มันมีเรียนเช้า

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีอาการปวดหัวก็เริ่มดีขึ้นแล้วส่วนคนที่นอนกอดผมอยู่ในตอนแรกหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ก็ดูเปลี่ยนไปจากชุดนอนกลายเป็นชุดธรรมดากางเกงขายาวเสื้อก็ด้วย ผมนั่งเบลออยู่บนเตียงสักซักก่อนจะเดินออกไปด้านนอกเพราะได้ยินเสียงดังวุ่นวาย
“มึงก็ทำดีๆ สิวะ
“ไอ้เหี้ย! เกิดมากูเคยทำกับข้าวซะที่ไหนละ?”
พอเดินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องเท่านั้นแหละครับ ผมก็เห็นไอ้เอียนกำลังยืนทะเลาะอยู่กับเพื่อนมันที่ห้องครัวผมเดินเข้าไปหาพวกมันสองคนก่อนจะนั่งลงที่โซฟาไอ้เต็มใจเองก็หันมาเห็นผมพอดี
“อ้าว! พายมึงตื่นแล้วเหรอ”
“อือพวกมึงทำอะไรกันอยู่นะ” ผมถามไอ้เอียนเลยเงยหน้าขึ้นมามอง
“นั่งเล่นอยู่มั้ง ก็เห็นอยู่ว่าพวกกูทำกับข้าวคราวหลังถ้าจะป่วยก็บอกล่วงหน้าสิ กูจะได้ซื้อกับข้าวมาแช่แข็งไว้แทน” มันบ่นใส่ผมอีกแล้วทั้งๆ ที่มันนั่นแหละเป็นคนทำให้ผมไม่สบายแบบนี้
“เลิกบ่นไปเลยไอ้เหี้ยเอียน กูสอนมึงเท่านั้นแหละเหลือมึงทำเองนะกูต้องกลับไปดูไอ้เย็นชานั่นสักหน่อย”
ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย ใครกันชื่อแปลกดี“นี่หายป่วยเร็วๆ นะ” ไอ้เต็มใจเดินเข้ามาหาผมขยี้หัวไปทีหนึ่งก่อนที่มันจะเดินออกจากห้องไป พอหันกลับมาก็เจอสายตาอาฆาตจากไอ้เอียน
“มองอะไร” ผมถามแล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงไปหน้าทีวี
“คราวหลังอย่าให้ใครแตะนอกจากกูนะ”
“หวงไง! นี่ร่างกายกูนะ” ผมแอบแหย่มัน ถ้ามันรู้ว่าผมชอบมันอะไรจะเกิดขึ้นผมเคยคิดจะบอกมันนะแต่ไม่ดีกว่าเพราะผมกลัวคำตอบ
“แล้วไง! กูเป็นเจ้าของ
“ไอ้เหี้ย! ทำกับข้าวไปเลย” ผมหันไปด่ามันหมั่นไส้ชะมัดเลยครับ ไม่ว่าจะเถียงยังไงผมก็ไม่เคยชนะมันเลยสักครั้งเดียว
“เฮ้อ! กูทำเป็นซะที่ไหนละ ทำไปไม่รู้จะกินได้ไหม?” ไอ้เอียนถอนหายใจหนักๆ ผมหันไปมองหน้ามันยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหามัน สภาพที่ดูดีน่าจะเป็นไอ้เต็มใจที่ทำเอาไว้ส่วนสภาพที่ดูไม่ได้คงจะเป็นคนข้างๆ ผมสินะ
“หมายังไม่แล!
“ปากเหรอนั่น เดี๋ยวกูจับจูบซะหรอก”
“มึงอย่ามารุ่มร่ามนะ ที่กูต้องป่วยก็เพราะมึงออกไปไกลๆ เลยเดี๋ยวที่เหลือกูทำเอง”
“มึงนั่นแหละไปไกลๆ เกิดซุ่มซ่ามทำหมอตกจะว่าไง กูขี้เกียจดูแลมึงนะและที่ยอมเนี่ยเพราะกูทำมึงป่วย!
ควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่มันดูแลผมเพราะอยากไถ่โทษ ผมจ้องหน้ามันนิ่งๆ ก่อนจะยอมถอยไปห่างๆ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงอาหารก็ถูกยกมาวางตรงหน้า แต่ขอบอกอาหารแช่แข็งของมันทั้งนั้น
“ไหนกับข้าววะ กูเห็นมีแต่อาหารเซเว่น”
“อย่าบ่นได้ไหม? กูไม่อยากให้มึงกินที่กูทำกลัวมึงจะตายก่อนหายป่วย” ไอ้เอียนเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงหน้าผม
“มึงก็รู้กูไม่ค่อยชอบกินอาหารแบบนี้เท่าไหร่?” ผมเบ้ปากใส่มันแต่ก็ต้องยอมกินถ้าให้ผมลุกไปทำตอนนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันรู้สึกว่าอาการปวดหัวเริ่มหายแต่ไข้มันยังไม่ลด
“เออๆ เดี๋ยวเย็นนี้จะสั่งจากข้างล่างมาให้กิน”
“อือแล้ววันนี้มึงไม่ไปเรียนเหรอ?” มึงเงยหน้าขึ้นไปถามมันไอ้เอียนเองก็ด้วย
“มึงป่วยนี่ จะไปเรียนได้ไง”
“กูเป็นภาระปะเนี่ย?”
“เลิกพูดมากแล้วแดกๆ ไปก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย
ถึงมันจะปากร้ายไป แต่อย่างน้อยบางเวลาก็ใจดีกับผม ผมเกลียดอย่างเดียวเวลามันโกรธมันไม่ฟังใครเลยครับและท่าทางแบบนี้ก็เพราะอยากแก้เขินสิ
ฮาๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้ตัวแน่นอน!! ซื่อบื้อชะมัด
“ว่าแต่มือถือมึงไปไหน?”
“พังแล้ว!” ไม่ได้พังแบบดีๆ แต่วันนั้นไอ้พอเพียงมันปาลงข้างถนนเลยละครับ -_-! เพราะมึงนั่นแหละไอ้เอียนกูเลยต้องเสียลูกรักไป
“เอาของกูไปใช้ละกัน”
“รวยไง”
“เปล่า! กูมีสองเครื่อง”
“อื้อ” ผมครางในลำคอก่อนจะกินข้าวตามปกติ หลังจากที่กินเสร็จไอ้เอียนมันก็ไปหยิบยามาให้ผมกินอีกครั้งแถมยังสั่งให้ผมไปนอนพักทั้งๆ ที่เมื่อกี้ผมเองเพิ่งจะตื่น ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบนอนสักเท่าไหร่เลยนอนเยอะโคตรปวดหัวกว่านอนไม่พอซะอีก =_=!

“กูบอกให้ไปพักไงวะ?”
“ไม่อะ! กูจะทำงานส่งอาจารย์” ผมไม่ได้หันหน้าไปมองมันแถมตอนนี้ตัวเองยังมานั่งรับลมอยู่นอกระเบียงคอนโดอีกต่างหาก

พรึบ!
ไอ้เอียนแย่งสมุดวาดรูปจากมือผมไปทันทีก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน และสรุปง่ายๆ ผมก็ต้องตามไปแย่งคืนมาสิแต่มันไม่ยอมให้
“เอาคืนมานะ กูต้องทำงาน! แถมพรุ่งนี้กูต้องไปทัศนะศึกษาอีก”
“มึงส่งวันไหน?”
“วันจันทร์” ที่จริงเวลามันยังเหลือแต่ผมกลัวว่าจะไม่ได้ทำเพราะอาการป่วยมากกว่า
“อือเดี๋ยวกูวาดให้ เพราะฉะนั้นไปพักอย่าขวางหูขวางตากูจะเก็บห้อง!!!
O_O!!!!
ขออึ้งแปบหนึ่งได้ไหมครับ เพราะคำพูดเมื่อกี้ของไอ้เอียน เรื่องวาดรูปนะไม่เท่าไหร่เพราะมันทำให้ผมบ่อยขอบอกว่าฝีมือมันเก่งกว่าผมอีกแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เรียนด้านนี้ ส่วนไอ้ที่อยากอึ้งก็คือมันจะเก็บกวดห้อง
“กูหูฝาดไปไหมเอียน!!!
“จะไปนอนดีๆ หรือให้กูกดก่อนนอน” ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะยอมกลับมานอนในห้องที่สภาพโคตรรก พอผมเข้ามาได้สักพักเคลิ้มๆ กำลังจะหลับแต่ที่ไหนได้ไอ้เอียนกลับเลือกที่จะมาเก็บกวาดในห้องเป็นอันดับแรกแล้วแบบนี้ใครมันจะนอนหลับวะ

พรึบ!
ผมลุกขึ้นนั่งจ้องหน้ามันที่ก้มๆ เงยๆ เก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ในห้องโดยฝีมือของมันก่อนจะแหกปากด่า
“ดังขนาดนี้กูคงนอนหลับหรอกนะ”
“มึงก็ทนๆ นอนไปสิวะ มันรกจนกูไม่รู้จะเริ่มตรงไหน?” ไอ้เอียนเกาหัวแกรกๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ก็มึงทำไว้เองแท้ๆ แล้วจะมาบ่นทำไม
“งั้นกูไม่นอนแล้ว กูจัดกระเป๋าดีกว่าพรุ่งนี้ต้องไปทัศนะศึกษาอีก!” ผมลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าใบเมื่อคืนที่ทำตกเอาไว้ เอาของบางอย่างออกก่อนจะพามันกลับเข้าที่
ไอ้เอียนเดินตามหลังผมเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนจะตั้งคำถาม
“มึงจะไปกี่วัน”
“สามวันสองคืน”
“ทำไมนานจังวะ” มันขึ้นเสียงเล็กน้อยสีหน้างอแงเหมือนเด็กแตกต่างจากเวลาโกรธโดยสิ้นเชิงเลยละครับ
“กูไปทัศนะศึกษานะไม่ได้ไปเที่ยว แถมต้องทำงานส่งอาจารย์ด้วย
“ไปที่ไหน?”
“หัวหิน!
“กูไปด้วย
“มึงจะบ้ารึยังไงวะ” ผมลุกขึ้นยืนจ้องหน้ามัน ท่าทางไอ้เอียนมันจะบ้าจริงๆ นั่นแหละครับ
“กูยังสมบูรณ์แบบ อีกอย่างพรุ่งนี้กูไม่มีเรียนแถมเสาอาทิตย์ก็ว่าง” แถไปเรื่อยแต่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคณะผมสักหน่อยจะไปทำไม
“ไม่!
“กูจะไป”
“มึงอย่ามาชวนกูทะเลาะได้ไหม? บอกว่าไม่ก็ไม่สิวะ” ทั้งๆ ที่ผมป่วยอยู่แท้ๆ แทนที่มันจะทำดีพูดดีแต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะชวนผมทะเลาะเข้าไปกันใหญ่
“กล้าขึ้นเสียงกับกูหรือไง” น้ำเสียงไอ้เอียนดูเหมือนกำลังโกรธนิดๆ แววตามันเปลี่ยนไปต่างจากเอียนคนก่อนหน้าที่งอแงใส่ผมเลยทีเดียว
“มึงเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย!
“โธ่โว้ย! ไม่กงไม่เก็บมันแล้ว“ มันเหวี่ยงใส่ผมเสร็จก็เดินออกไปจากห้องทันที เสียงประตูดังปังจนผมตกใจยืนอึ้งอยู่สักพักก็เดินตามออกไปดูเห็นมันคว้ากุญแจรถขึ้นมาถือเอาไว้พร้อมทั้งเดินออกไปจากห้อง
พอทะเลาะกัน พออารมณ์เสียใส่ก็ชอบเหวี่ยงแล้วเดินออกไปแบบนี้ทุกที แล้วแบบนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ? และอย่าคิดว่าผมจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมรีบวิ่งตามมันออกไปจากห้องทันทีแต่ไม่ทันลิฟต์จากมันจึงต้องรอ พอลิฟต์เปิดก็รีบวิ่งเข้าไปและกดลงไปชั้นล่างเจอไอ้เอียนขับรถออกมาพอดีผมจึงวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้มันเบรกแทบไม่ทัน
“ไอ้เหี้ยเดี๋ยวก็ได้ตายหรอก”
มันโผล่หัวออกมาด่า แต่ผมไม่สนใจกลับวิ่งไปขึ้นรถมันทันทีแถมเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ทำให้คนอื่นตกใจไปหลายคน ขึ้นมานั่งบนรถได้ก็เหนื่อยแทบแย่หอบหายใจแทบไม่ทันเพราะวิ่งมาดังหน้ารถมันเนี่ย
“ลงไปจากรถกูซะ!!!” มันหันมาออกคำสั่งกับผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมาดูออกได้ง่ายมากว่าแววตาตอนนี้กำลังโกรธผมแค่ไหน
“ไม่ลง!” ผมก็ดื้อด้านพอสมควรแถมระดับลมหายใจยังไม่คงทีอีกต่างหาก
“มึงอย่าตามมาทำให้กูอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ได้ไหมไอ้แรด กูบอกให้ลงไปไง?”
“กูบอกว่าไม่ลงยังไงละไอ้เหี้ย!!!
“เออ! อย่ามาพูดว่ากูใจร้ายทีหลังก็แล้วกัน
ผมแทบหน้าขมำเพราะแรงกระทืบคันเร่งรถของมันนี่แหละครับ ตลอดทางที่รถแล่นไปด้วยความเร็วผมก็เงียบแถมในใจกลัวสุดๆ อาการป่วยไม่หายแต่ผมยังซ่าตามติดมันทั้งๆ ที่รู้ว่าระดับความโกรธของไอ้เอียนมันอยู่เลเวลไหน
ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆ
สักพักรู้สึกเหมือนว่ารถที่กำลังแล่นอยู่เริ่มออกนอกชานเมืองไปเรื่อยๆ ผมอยากปริปากถามมันแต่ไม่กล้าเพราะเมื่อกี้ผมอวดเก่งใส่มันไปแล้ว แถมตอนนี้ผมก็อยากร้องไห้ด้วยครับผมเบือนหน้าหนีมันนั่งเงียบๆ มองออกไปนอกกระจกรถที่แล่นด้วยความเร็วหลับตาเพื่อระงับอาการมึน สักพักรถที่นั่งอยู่ก็เริ่มชะลอความเร็วก่อนจะจอดลงผมลืมตาขึ้นมาหันไปมองรอบๆ มีแต่ผู้คนมากมายรวมไปถึงรถ
สนามแข่งรถงั้นเหรอ?
ไอ้เอียนเปลี่ยนประตูรถลงไปไม่คิดหันมามองผมด้วยซ้ำผมเองก็ได้เห็นถอนหายใจกับท่าทางของมัน ผมคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ตามมา จ้องมองแผ่นหลังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแต่แล้วหัวใจกลับเต้นแรงเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหามันพร้อมทั้งก้มลงไปกดจูบที่ปากนั่น
แทบอยากจะร้องไห้จริงๆ นี่ผมตามมันมาเพื่อตอกย้ำความเจ็บหรือยังไงกันหลับตาลงอย่างช้าๆ ขอร้องช่วยไปจูบกันไกลๆ สายตากูหน่อยได้ไหม?
L

ก๊อก ก๊อก
ผมสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อรู้สึกราวกับว่ากระจกรถที่ตัวเองนั่งอยู่ถูกเคาะ ลืมตาแล้วเงยหน้าไปมองพร้อมทั้งเปิดประตูรถลงไปสภาพผมไม่น่าออกมาข้างนอกเลยด้วยซ้ำไป
“มากับไอ้เอียนงั้นเหรอ? ว่าแต่เพิ่งตื่นหรือไง” น้ำเสียงหมอนี่ฟังเหมือนจะเป็นมิตรแต่ตอนท้ายผมไม่อยากเป็นมิตรเลยละครับ
“อือ! เปล่าหรอกป่วยนิดหน่อยเลยแต่งตัวแบบนี้” แล้วผมจะไปบอกคนอื่นทำไมเนี่ย
“แล้วไอ้เอียนละ”
“ไม่รู้สิ เมื่อกี้เห็นยืนอยู่กับผู้หญิง” ผมกอดอกยืนพิงประตูรถสายตาก็จับจ้องไปยังเบื้องหน้า ทั้งผู้คนที่ไม่รู้จักและเสียงรถมากมายที่กำลังแข่งกันในสนาม
“อ่อ! คงจะเป็นริต้า”
“รู้จักงั้นเหรอ?” ผมหันกลับมาสบตาหมอนี่อีกครั้ง
“ไม่เชิงแต่แฟนเก่าไอ้เอียนมัน”
หึ!
แฟนเก่า
เจ็บดีไหมละที่เห็นมันจูบกับแฟนเก่าต่อหน้า ผมฝืนยิ้มขำไปนิดหน่อยจ้องหน้าหมอนี่
“อืม! ว่าแต่นายชื่ออะไร?” ผมอยากสลัดคำพูดนั้นออกไปเพราะตอนนี้ผมอยากกลับคอนโดแล้ว จะตามมาทำไมมันเจ็บจังเลย L
“มะ
“ไอ้ไม้มึงมาเสือกอะไรที่รถกู!!!” ผมและหมอนี่หันไปมองเสียงผู้มาเยือนก็เห็นว่าไอ้เอียนกำลังยืนอยู่แถมข้างๆ มันยังมีผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่แต่ที่น่าเจ็บใจคงเป็นลำแขนที่โอบกอดยัยแฟนเก่านั่นละมั้ง
“กูขอตัว
ไม่ใช่เสียงไอ้ไม้หรอกนะ แต่เป็นเสียงผมที่เลือกจะปลีกตัวออกมารู้อะไรไหมผมไม่รู้จักใครที่นี่เลยด้วยซ้ำไปแถมผมไม่รู้ด้วยว่าต้องเดินไปทางไหนถึงจะไม่มีคน แต่ที่แน่ๆ ที่ที่ผมกำลังเดินอยู่ทำไมถึงมีแต่ผู้คนมากมายขนาดนี้ละ แต่ก็นะผมเลือกที่จะไม่ถอยนอกจากจะเดินเข้าไปเรื่อยๆ เหมือนคนกลุ่มหนึ่งกำลังประชุมอะไรกันสักอย่างผมอยากเดินผ่านคนพวกนี้ไปให้เร็วที่สุดจังเลย

หมับ!!!
แขนข้างหนึ่งถูกกระชากให้หันกลับมาก่อนจะชนเข้ากับแผงอกกว้างของคนดึงทันที แค่กลิ่นกายผมก็รู้แล้วว่าใครทำไมต้องเดาให้มากความด้วยละ ผมผลักมันออกก่อนจะถอยหลังอยู่ในระดับที่ห่างจากมันเล็กน้อย
“กลับไปขึ้นรถ!
ผมเลือกที่จะไม่ตอบก่อนจะหันหลังให้กับมัน แต่พอจะก้าวขาเดินไปข้างหน้าไอ้เอียนกลับรั้งแขนผมเอาไว้แต่ออกแรงดึงจนผมรู้สึกเจ็บ
“ปล่อย! กูเจ็บนะไอ้เหี้ย”
“มึงกล้าลองดีกับกูงั้นเหรอ? อยากถูกทิ้งไว้ที่นี่งั้นสินะ
ใจร้ายชะมัดเมื่อกี้เสือกเริงร่าอยู่กับแฟนเก่าแต่ตอนนี้กลับมาอาละวาดใส่ผม มันใช้ได้ที่ไหนกันวะ
“ใครจะไปกล้าท้าทายคนอย่างมึงละ ปล่อยกูเจ็บ” ผมกระชากแขนตัวเองกลับมาก่อนจะจ้องหน้ามัน
“หึ! มึงนี่มันวอนหาเรื่องซะจริงๆ เลยนะ
“เรื่องของกู ไม่ต้องมายุ่ง!
“ถ้าปากดีขนาดนี้แสดงว่าหายป่วยแล้วสินะ ถ้ามีปัญญาก็กลับคอนโดเองละกัน” พูดจบไอ้เอียนก็เดินกลับไปโดยไม่สนใจผม แผ่นหลังที่กำลังห่างออกไปพร้อมๆ กับม่านน้ำตาของผมที่ไหลออกมา ทำไมมันถึงกล้าทิ้งผมไว้ที่นี่ทั้งๆ ที่มันก็น่าจะรู้ว่าผมไม่รู้จักใคร

บรืน นน
รถของไอ้เอียนถูกเจ้าของขับออกไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะเป็นยังไง มันไปแล้วและผมก็ยังยืนอยู่ที่เดิม
“อ้าว! ถูกทิ้งซะงั้นให้กูไปส่งไหม?”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น