PLEASE!
10
กว่าจะรู้ใจตัวเอง
ฮือๆ
ผมเอาแต่ร้องไห้และก็บอกให้มันไปตาย
แต่ถ้ามันไปจริงๆ คนที่จะตายคือผมไม่ใช่มัน… ถ้าไม่มีมันผมก็รู้สึกแย่เหมือนว่าชีวิตขาดหายอะไรไปสักอย่าง
หนึ่งในนั้นคงเป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับจากมันแน่นอน ผมคงกลายเป็นคนซาดิสท์ที่ชินชาในความเจ็บปวดไปซะแล้วละมั้ง
L
“ถ้ากูตายไปจริงๆ
มึงจะเกลียดกูน้อยลงไหม?”
ไอ้เอียนลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผมที่นอนร้องไห้อยู่
ผมไม่ยอมมองหน้ามันเอาแต่ยกมือทั้งสองข้างของตัวเองมาปิดหน้าเอาไว้แล้วก็น้องไห้หนักกว่าเดิม
กูก็แค่ประชด
ใครจะอยากให้มึงตายจริงๆ
“ฮือๆๆ …”
“กูขอโทษที่ทำร้ายมึงมาตลอด”
ผมรู้สึกเหมือนไอ้เอียนจะขยับตัวออกไปห่างๆ
แม้จะไม่ลืมตาไปดูแต่ก็รู้ว่ามันกำลังคลื่นไหวอยู่
“…………………..”
“ทำร้ายคนที่ดีกับกูมาทั้งชีวิต”
จะพูดเพื่ออะไรในเมื่อมันคิดว่าผมเป็นแค่เพื่อนมาโดยตลอด ก็แค่ผ่านคืนนี้ไปแล้วผมจะลืมว่าเคยรักมันและจะไปจากมันด้วย
“พอแล้ว
กูไม่อยากฟัง” ผมร้องห้ามนอนหลับตาและเอามือทั้งสองข้างปิดหูตัวเองเอาไว้แทน
“เวลาที่มึงทำตัวห่างเหินมันทำให้กูรู้สึกแย่
กูโง่หรือเปล่าที่พึ่งรู้สึกเจ็บปวด” แม้ว่าผมจะปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่นแค่ไหนแต่สมองกลับรับรู้ทุกอย่างที่ไอ้เอียนมันพูด
จะบอกอะไรกับผมกันแน่
“…………………”
“มึงร้องไห้
กูแย่สุดๆ แต่กูก็เลวพอจะทำร้ายมึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า…”
เตียงนอนที่เคยคิดว่าไอ้เอียนมันนั่งอยู่กลับสัมผัสได้ว่ามันลุกออกไปเรียบร้อยแล้ว
“………………….”
“และคำว่าเกลียดของมึง
มันทำร้ายกูเหลือเกิน… คงสาสมแล้วที่มึงอยากให้กูไปตายซะ!”
ปัง!
ตึก
ตัก…
เสียงประตูห้องที่ปิดลงพร้อมกับเสียงหัวใจผมที่เต้นแรงและกระตุกวูบ
ดวงตาทั้งสองข้างของผมเบิกกว้างก่อนจะวิ่งออกจากห้องตามมันไป…
ผมไม่เห็นไอ้เอียนเห็นแค่ประตูระเบียงที่เปิดออก รีบวิ่งเข้าไปหามันทันทีก็เห็นว่ามือทั้งสองข้างของมันกำลังจับราวกั้นอยู่
หมับ!
“เอียน!!!” ผมเรียกชื่อของมันดังสุดเท่าที่จะดังได้พร้อมทั้งกอดมันเอาไว้จนแน่น
“ฮือๆ กูขอโทษ กูแค่ประชด… ขอโทษ”
ผมแพ้หัวใจตัวเองทุกครั้ง…
“หึ!
กว่าจะยอมรับว่าเป็นห่วงกูแทบแย่ต้องให้เหนื่อยเดินออกมาสินะ
มึงนี่ปากแข็งกว่าที่คิดไว้แฮะ… แต่ทำไมใจถึงไม่แข็งพอจะเห็นกูกระโดดลงไปก่อนถึงจะเข้ามาห้ามละ”
ไอ้เอียนรั้งร่างของผมให้ออกห่างจากมันก่อนจะหันมาเผชิญหน้าพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเหมือนว่ากำลังเยาะเย้ยผมอยู่เลยละครับ
“อะ อึก…
หมายความว่ายังไง?”
“พูดว่าเกลียดกูสิ
แล้วจะบอก” ผมรีบผลักมันให้ออกห่างจากตัวก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน
เหมือนว่าผมกำลังโดนหลอกและเดินเข้าไปเล่นเกมส์อะไรสักอย่างกับคนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้เอียน
หมับ!
ร่างทั้งร่างถูกรั้งเข้าไปกอดไว้ด้วยอ้อมแขนของคนด้านหลังที่เดินตามผมเข้ามา
ก่อนที่ริมฝีปากแสนร้ายกาจจะกดจูบที่ต้นคอผมหนักหน่วงและอ่อนโยนภายหลัง
“เกลียดมึง…” นานพอสมควรกว่าผมจะพูดคำนี้ออกมา น้ำตาเองก็ไหลเรื่อยๆ
เหมือนว่าไม่อยากหยุดเลยด้วยซ้ำไป
“แต่กูคิดว่าตัวเองชอบมึง…
ไม่สิ! มันรักไปแล้วต่างหาก ไม่รู้เมื่อไหร่?
ต้องขอบคุณไอ้เต็มที่ทำให้กูรู้ตัวและไอ้พอที่ด่ากูว่าควายแถมยังสวดซะยับอีกมากมาย!!!!!”
O_O!!!
เหมือนผมจะอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน
ไอ้เอียนบอกว่าชอบผม ไม่สิรักต่างหาก… ผมฝันไปใช่ไหมหรือว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่
“อย่ามาตลก…
ปล่อย!”
“บอกมาสิว่ามึงเองก็รักกู
ไม่สิเพราะมึงนะแอบรักกูมาตั้งนานแล้ว…”
“ไอ้เหี้ย!
ปล่อย” ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของมัน
แต่ยิ่งดิ้นเหมือนมันยิ่งกอดผมแน่นขึ้นจนรู้สึกเหมือนมันไม่อยากปล่อยให้ผมหลุดมือไปได้เลยละครับ
“ตอบมาสิ”
“บอกให้ปล่อย”
“ถ้าไม่ตอบคำถามกู
ก็อย่าหวังว่ากูจะปล่อย…”
“เออ!
กูรักมึงแล้วยังไงในเมื่อตอนนี้กูเลิกรักมึงไปแล้ว
และกูก็กำลังจะรักคนอื่นดะ… อื้อ”
ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของมันไปพร้อมๆ
กับริมฝีปากหนาที่ครองครองผมอย่างถือดีแถมยังเป็นจูบที่ผมไม่เคยได้รับ
มันแค่บรรจงจูบผมอย่างอ่อนโยนไม่แสดงอาการโหยหาหรือต้องการอะไรทั้งนั้น
หากแต่จูบในตอนนี้เหมือนว่ากำลังจะพิสูจน์อะไรสักอย่างจากผม
“อื้อ…
เอียน หะ…หายใจไม่ออก แค่ก แค่ก”
ผมแทบสำลักกับรสจูบที่ไม่เคยได้เจอ
แม้ว่ามันจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระก็ตามแต่นั่นก็แค่เสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะกดปากลงมาจูบผมอีกครั้ง
ขบเม้มริมฝีปากผมเหมือนว่ากำลังลงโทษอะไรสักอย่างแถมปลายลิ้นร้อนยังไล้ต้อนผมเรื่อยๆ
จนหาทางออกไม่เจอ… มันทำให้ผมแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนหรือทำอะไรยังดีที่มันรั้งเอวของผมเอาไว้ไม่งั้นมีหวังล้มลงไปกองกับพื้นแน่ๆ
แค่ก
แค่ก…
“บอกแล้วว่าห้ามรักใครถ้ากูไม่อนุญาต”
“สิทธิ์กูนะ!!!”
“เป็นเมียกู
อย่าคิดว่าจะมีสิทธิ์นอกใจได้!”
ผมยื่นหน้าออกมาแล้วมองมันสายตาอึ้งๆ ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่มันบอกรักผม…
ทำไมถึงพูดจาอะไรเจ้าเล่ห์นัก
“ใครเมียมึง!”
“เดี๋ยวจะพาไปพิสูจน์…”
“อ๊ะ!
ปล่อยนะโว้ย” ไอ้เอียนอุ้มผมขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปที่ห้องพอมาถึงมันก็วางผมลงบนเตียงพร้อมทั้งกระโดดขึ้นมานั่งคร่อมสายตาที่มันมองผมแปลกๆ
แถมยังอ่านไม่ออกอีกต่างหาก
“ออกไปนะ
กูยังไม่ได้ร้องขอ…”
“เล้าโลมสักนิดเดี๋ยวมึงก็ขอให้ช่วย!”
“ไอ้เหี้ย!” ผมกรนด่ามันกัดฟันกรอดรู้สึกไม่พอใจ “อื้อ…”
ครางทำไม!!!!!!!!!
ไม่ใช่ผม…
ให้ตายเถอะผมกำลังหลอกตัวเองอยู่เพราะไอ้เอียนมันก้มหน้าลงมาก่อนจะกัดเข้าให้ที่ติ่งหูของผม
มันเสียวจนสั่นไปหมดทั้งตัวแถมยังร้องครางอย่างไม่น่าให้อภัยอีกต่างหาก
“หึ!
ชอบละสิ รีบๆ ร้องขอนะเดี๋ยวกูจะทนไม่ไหว”
“ไม่!!!!!”
“ปากแข็ง…”
“ไอ้…
อ๊ะ!”
มือข้างหนึ่งของไอ้เอียนจับเข้าให้ที่เป้าผมทันที
ไม่ไหวถ้าจะเป็นแบบนี้นานๆ ไปมีหวังผมอาจทนไม่ไหวและร้องขอมันก็ได้ครับ
“หยุด!
ถ้าไม่หยุดกูจะร้องแล้วนะ…”
ผมไม่ได้ร้องขอให้มันช่วยแต่ที่ผมอยากรู้ให้แน่ชัดกว่านี้ก็คือเรื่องที่มันพูดก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรือเปล่า
“ว่าไงนะ?”
ไอ้เอียนหยุดการกระทำทั้งหมดก่อนจะเงยหน้าสบตาผมที่จ้องมันน้ำตาคลอ
ผมนะร้องไปตั้งนานแล้วเหลือก็แต่บีบน้ำตาให้มันไหลมากกว่าเดิม
“ฮือๆ ไอ้เวร…”
“ด่าจริง
ด่าจัง!
ทั้งเหี้ย เลว เวร และอีกมากมาย… ตกลงมึงรักกูจริงปะเนี่ย?”
มันพูดก่อนจะลุกขึ้นจากตัวผมพร้อมทั้งดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับมันด้วย
หัวใจเต้นแรงผิดปกติจนหาทางออกไม่เจอ!!!
L
“……………………..” ผมไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีมันแล้วร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ
“คุยกันหน่อยสิ
ถ้าไม่ได้คุยกูคงอึดอัด!”
ไอ้เอียนขยับเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อนจะรั้งใบหน้าของผมให้หันกลับไปมองมัน
มือหนาข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นมาปาดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้
คนตรงหน้าใช้เอียนเลวที่ผมรู้จักหรือเปล่า?
“ไม่คุย…”
“ถ้าไม่คุย
เราสองคนคงพูดกันไม่รู้เรื่อง!”
ผมว่าไอ้เอียนในตอนนี้ใจเย็นโคตรๆ เลยครับ ขนาดผมงอแงและดื้อใส่แต่มันกลับไม่อาละวาดแถมยังยอมนั่งเฉยๆ
เหมือนว่าไม่ถือสาคำพูดของผมเลย
“10
นาที…”
“แต่กูให้มึงทั้งชีวิตเลยนะ”
ผมจ้องหน้ามันกระพริบตาถี่ๆ ไอ้เอียนกินยาผิดไปหรือเปล่า
หรือตอนที่ขับรถกลับคอนโดมันไปชนอะไรเข้าไหมทำไมสมองถึงได้กลับแบบนี้
“ว่ามาก่อนที่กูจะหมดอารมณ์คุย!”
“ก็แค่อยากรู้ว่ารักกูตั้งแต่เมื่อไหร่…” มันว่ายิ้มๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนตักของผมแทบจะขยับหนีไม่ทัน
แต่ก็ขยับไม่ได้เพราะมันรั้งเอวผมเอาไว้ด้วย
“……………………….” ผมก้มหน้ามองมันเม้มปากเข้าหากันจนแน่น
จะให้กูตอบว่าอะไรในเมื่อไม่รู้ตัวเลยว่ารักไปตั้งแต่เมื่อไหร่และอีกอย่างทำไมต้องมาถามด้วย
“เราเป็นเพื่อนกันนะ!” ผมแย้งแถมยังตอบคนละคำถามกับมันอีกต่างหาก
“ตอบ!!!!!”
“ไม่รู้…” สุดท้ายพอเจอคำขู่ของมันผมก็ต้องตอบ
แต่ก็ตอบแบบเฉไฉพร้อมทั้งหลบหน้าหนีแม้ว่าตักผมจะมีหัวมันนอนหนุนอยู่ก็ตาม
“ทำไมถึงไม่รู้!!!”
“ก็คนมันไม่รู้นี่
รู้แต่ว่ารักไปแล้ว… อีกอย่างมึงจะมาถามหาพระแสงอะไร?
มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย… ถ้าบ้าก็ไปหาหมอซะเพราะกูจะไม่ทนอยู่กับมึงอีกแล้ว
ยิ่งทนกูยิ่งเจ็บเพราะต้องอยู่กับควายอย่างมึง!!!! L”
พูดอะไรไปเนี่ย?
แต่ที่แน่ๆ ผมทั้งตอบคำถามทั้งด่ามันไป น้ำเสียงปนสะอื้นดังชัดเจนมากๆ
ไอ้เอียนเองก็นอนจ้องหน้าผมกระพริบตาถี่ๆ
เหมือนว่ากำลังรวบรวมคำพูดของผมอยู่อย่างนั้นแหละครับ
“…………………….”
“ควายที่ทำให้กูเจ็บตลอดเวลา
และควายที่ไม่ยอมรู้ตัวสักทีว่ากูรัก… ถ้ามึงจะเกลียดกูก็ได้นะเพราะเราเป็นเพื่อนกัน และเราก็ไม่ควรจะรักกันได้!
ไม่สิมะ… อื้อ”
ผมพูดไม่ทันจบไอ้เอียนก็รั้งคอผมให้ก้มลงไปหามันก่อนที่ปากร้ายกาจของมันจะกดจูบผมหนักหน่วง
ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกรั้งให้นอนลงบนเตียงนุ่มๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ร่างกายทุกอย่างมันยอมจนไม่อาจห้ามใจได้เลยทีเดียว
“ใครจะเกลียดมึงลง
ถึงมึงจะบอกว่าเกลียดกูตลอดเวลาก็ตาม!”
“ฮือๆ …เอียนเลว!” ผมรั้งคอมันมากอดเอาไว้จนแน่น
ใบหน้าหล่อของไอ้เอียนก็ฟุบเข้าให้ที่ซอกคอของผมก่อนที่ริมฝีปากนี้จะกดจูบลงมาเบาๆ
“ขอโทษนะที่ทำให้มึงร้องไห้
ทุกครั้งกูแค่คิดว่ามึงไม่อะไร… เพราะมึงปากแข็งไม่ยอมเรียกร้อง
แต่พอมึงเอาจริงทำตัวห่างเหินกูถึงรู้ว่ามันแย่เวลาถูกมึงมองด้วยสายตาเกลียดชัง!”
ไอ้เอียนกดจูบที่ต้นคอของผมตลอดเวลาที่มันพูดจนผมแทบห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
ร้องไห้โฮออกมาเรื่อยๆ
“………………………….”
“กูขอโทษถ้าคำว่าเพื่อนจะทำให้มึงเจ็บปวดขนาดนี้!”
“พอแล้ว…
ไม่ต้องพูด!”
ผมไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อไปแต่ถ้ามันพูดมากกว่านี้ผมกลัวว่าจะต้องเจ็บปวดอีก
ผมไม่แน่ใจในการกระทำของมันตอนนี้เอาซะเลย
“ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้วมึงต้องเจ็บ…
งั้นเราเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ!!!!!”
ไอ้เอียนพูดจบก่อนจะผละออกจากตัวผม
มือหนายื่นมาตรงหน้าก่อนจะปาดน้ำตาให้ผม… แม้น้ำตาจะถูกปาดทิ้งไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ผมก็ไม่ยอมหยุดไหลสักที
สองมือหนาประคองใบหน้าของผมเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าหล่อแสนร้ายกาจจะก้มลงมาอีกครั้งจนปลายจมูกของเราสองคนแตะกัน
“เลิกเป็นเพื่อน
แต่มาเป็นแฟนกันแทน… บางทีมึงอาจเจ็บน้อยลง!”
“ไอ้…!!!”
“ห้ามด่า!
ไม่งั้นจูบ… ฟังให้จบก่อนสิ”
“…………………………”
ผมสะอื้นเม้มปากเข้าหากันจนแน่นเพราะคำขู่ของมันมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจผม
“กูเบื่อที่จะเป็นเพื่อนมึงแล้ว
และกูก็ไม่อยากเสียมึงไปเพราะคำว่าเพื่อนด้วย… กูรู้ว่าทำร้ายมึงมาตลอดแต่ต่อไปนี้กูจะชดเชยทุกอย่าง!”
“…………………….”
จุ๊บ
-/////////////-
ไอ้เอียนจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง
“กูรักมึงนะพายแรด…
ถึงมันจะยากที่มึงอยากจะเชื่อ แต่กูมั่นใจว่าตอนนี้กูรักมึง
รักมากด้วยสิ!!!”
“เอียนเลว!”
“ครับ!
ขอโทษสำหรับทุกอย่าง” ผมยื่นหน้าขึ้นไปกดจูบที่ริมฝีปากมันเบาๆ
แล้วส่งยิ้มหวานให้
“ไม่เชื่อ…
จนกว่ามึงจะพิสูจน์กูเจ็บมามากพอแล้วนะ”
“โอเค!
เอียนเลวจะพิสูจน์ให้พายแรดดูว่า… รักนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
แน่นอน"
ไอ้เอียนกดจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ
แถมยังนุ่มนวลอีกต่างหากสุดท้ายหัวใจมันก็ยอมแพ้จนปากไม่ต้องร้องขออะไรทั้งนั้น
มือหนาไล่ต้อนตามแผ่นหลังของผมไปเรื่อยๆ
จนรู้สึกเสียวซ่านและสั่นสะท้านไปหมดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ถูกถอดออกจนหมด
มันเร็วจนสมองผมคิดตามไม่ทันเลยละครับ
แต่จะว่าไปเพราะไอ้เอียนนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นแบบนี้…
ผมยอมมันไปตั้งนานแล้ว!!!!
“เอียนเดี๋ยว…
พรุ่งนี้มีเรียน”
เหมือนทุกอย่างจะหยุดลงได้แต่เปล่าเลยไอ้เอียนไม่มีทางหยุดถ้ามันได้ลงมือถอดเสื้อผ้าผมแล้ว
ทุกอย่างก็คงจะต้องเดินต่อไปจนกว่าจะจบเกมส์
“รอบเดียว…”
อยากจะเถียงไปเหลือเกินว่ารอบเดียวของมึงทำเอากูลุกไปเรียนไม่ได้เลย…
=_=!!!
“อ๊ะ!
อย่าจับสิ…”
ผมรั้งมือหนาของมันเอาไว้เมื่อทำรุ่มร่ามกับร่างกายส่วนล่วงของผมมากจนเกินไป
ที่ไม่อยากให้มันจับเพราะผมไม่อยากตื่นเร็วกว่ามันไอ้เอียนชอบแกล้งและพูดจายั่วโมโหผมอยู่เรื่อย
“งั้นเปลี่ยนจากมือเป็น…
ปาก!”
“เฮ้ย!
…อื้อ”
มันทำอย่างที่พูดจริงๆ
ให้ตายสิผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ เลยละครับ… รู้สึกเหมือนช่วงท้องของผมมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่มากมายนี่หรือเปล่าความรักที่สมหวังเหมือนมันปั่นป่วนหัวใจไปซะหมดทุกอย่าง
แรงขยับขับเคลื่อนจากริมฝีปากแสนร้ายกาจทำเอาร่างกายผมต้องเอนรับอย่างเลี่ยงไม่ได้…
มันแตกต่างจากตอนที่เรามีอะไรกันก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงเพราะครั้งนี้เหมือนไอ้เอียนจะแตะต้องผมอย่างอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ
เลยด้วยซ้ำไป!
“อื้อ…
เอียน”
มือทั้งสองข้างดึงทึ่งหัวของมันเพื่อระบายความอึดอัดที่ร่างกายจะได้รับ…
ทุกอย่างในสมองของผมมันหมุนติ้วๆ ไปหมดแล้วครับ
“พายแรด รักนะ…
จุ๊บ -////////////-“
ไอ้เอียนเลื่อนหน้าขึ้นมาใกล้ๆ
ผมก่อนจะเรียกชื่อและบอกรักอย่างอ่อนโยนพร้อมทั้งริมฝีปากของมันที่กดทับลงมาบนปากของผมอย่าเย้ายวนหัวใจลิ้นร้อนไล่ต้อนผมไปตามโพรงปากจนแทบหายใจไม่ออก
“อื้อ…
อย่าแกล้งกูได้ไหม?”
“มึงน่ารักจนกูอยากแกล้ง”
“ไอ้เลว…
อ๊ะ! อื้อ”
ด่าไปไม่ทันจบนิ้วเรียวยาวของมันก็สอดแทรกเข้ามาในร่างกายของผมทันทีแถมไม่ให้ผมตั้งตัวอีกต่างหาก
ให้ตายสิผมแทบเต้นเป็นเจ้าข้าวเลยทีเดียว… มือหนาขยับนิ้วเรียวยาวของตัวเองตามจังหวะไปเรื่อยๆ
จนผมต้องกำผ้าปูที่นอนเอาไว้
ปลายลิ้นร้อนๆ
ไล่สัมผัสตามร่างกายของผมและหยุดหยอกล้ออยู่กับยอดอกผมอย่างน่าหมั่นไส้
เหมือนว่าไอ้เอียนจะแกล้งผมมากกว่าครับ
“อื้อ…
เมื่อไหร่จะเสร็จ พะ…พรุ่งนี้มีเรียนนะ”
ถ้ามันยังทำทุกอย่างยืดเยื้อไปมากกว่านี้มีหวังพรุ่งนี้ผมคงไม่ได้ไปเรียน
“ยังจะไปอีกเหรอ”
“อื้อ ไปสิ”
“งั้นต้องสร้างประติมากรรมให้เยอะกว่านี้”
พูดจบมันก็กดริมฝีปากลงมาตามร่างกายของผมขบเม้มไปเรื่อยๆ
พร้อมทั้งนิ้วมือที่ขยับไปมาจนผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ร้องครางออกมาดังสนั่นเลยทีเดียว
มันน่าอายมากๆ แต่ไอ้เอียนน่าตบที่สุดเลยละครับ
“เอียนอย่าแกล้ง”
“……………………..”
แฮ่ก
แฮ่ก
ทุกอย่างขาดหายไปในห้วงความคิด
ผมหอบหายใจถี่ๆ กับสัมผัสที่ได้รับ… นิ้วเรียวยาวทำหน้าที่ขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ
ก่อนที่มันจะถอดนิ้วออกมาจากช่องทางด้านหลังของผมพร้อมทั้งร่างกายที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ผมปลีตามองหน้ามันสายตาพล่ามัวเสื้อผ้าที่มันใส่อยู่ก็ถูกสลัดทิ้งจนหมดก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงที่เตียงดึงรั้งเรียวขาของผมให้ขยับเข้าไปหามัน
มือหนายักขาทั้งสองข้างของผมให้ชันขึ้นก่อนจะแยกออกจากกัน…
ร่างสูงค่อยๆ
ขยับเข้ามาหาผมก่อนที่แกนกายของมันจะสอดแทรกเข้ามาจนผมรู้สึกเจ็บ
“อื้อ…
เจ็บๆ” น้ำตาเล็ดเลยทีเดียวกับสิ่งที่ได้รับ
แม้ว่าผมกับมันจะมีอะไรกันมากก่อนแล้วก็ตามแต่มันก็ยังไม่ชินและเจ็บอยู่ดี
จุ๊บ
-/////////////////-
ไอ้เอียนก้มลงมากดจูบที่ปากของผมเผื่อช่วยผ่อนคลายก่อนที่มันจะขยับเข้ามาเรื่อยๆ
ผมเองก็ได้แต่ร้องเจ็บอยู่ในคอ
ริมฝีปากสวยไล่ไปตามใบหน้าของผมและจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
ร่างหนาขยับเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
ก่อนจะเร่งจังหวะผมกระตุกวูบมือทั้งสองข้างกำเข้าให้กับผ้าปูที่นอนจนแน่น
เหมือนไอ้เอียนจะรับรู้ว่าผมเจ็บมันจึงผ่อนอารมณ์ต้องการให้ลดน้อยลงก่อนจะค่อยๆ
ขยับอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง
“อย่าเกร็งนักสิ
กูอึดอัด…”
“เจ็บเล่า!
ลองถูกกดดูบางสิ” ผมเบือนหน้าหนีมันรู้สึกอายยังไงก็ไม่รู้สิครับ
เหมือนว่าครั้งนี้เรายอมรับหัวใจของกันและกันแถมทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เหมือนคำสารภาพรักมากกว่าการกระทำแค่ผ่านๆ
เพื่อให้มันจบไปในแต่ละวัน
“ครับๆ
จะอ่อนโยนที่สุด”
“อื้อ…
เอียน” ยิ่งมันอ่อนโยนผมยิ่งคลั่งถ้าจะเล่นกันขนาดนี้
กลับมาเป็นเอียนเลวเหมือนเดิมเถอะ
อื้อ
อ๊า…
สวบ!
ไม่รู้ว่าการกระทำพวกนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
เหมือนว่าร่างกายของผมกำลังอ่อนล้าและอยากพักผ่อนมากๆ
รอบเดียวของมันกับการขยับทุกครั้งอย่างเชื่องช้าก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าผมให้ตายอย่างรวดเร็วและหลายครั้ง
ขี้โกงชะมัด!
“ไหนว่ารอบเดียว…
นานเชี่ยๆ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ!!!!” ผมร้องถามหอบหายใจถี่ๆ
ผมไม่อยากนับเลยว่าตัวเองปลดปล่อยไปแล้วกี่ครั้ง แต่ที่แน่ๆ
คนด้านบนกลับขยับกายเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
ตลอดเวลาเหมือนว่ายังไม่พอและไม่อยากปลดปล่อย
มึงจะอึดอะไรขนาดนั้น
กูเหนื่อย -_-*
“หึ!
พายแรด… ยั่วอารมณ์ชะมัด”
“อื้อ อ๊า…
เอียวเลว ยะ…อย่าขยับเร็วสิ เจ็บ!!!”
แฮ่ก
แฮ่ก///
ห้ามไปก็เท่านั้นเพราะมันไม่ฟังผมอารมณ์และความต้องการกำลังมีชัยเหนือทุกสิ่งทุกอย่างจนร่างกายผมแทบฉีกขาดเพราะความต้องการที่ไม่มีวันพอของมัน
อ๊า…
“พายแรด…
รักนะ!!! “
ไอ้เอียนเรียกชื่อของผมพร้อมทั้งบอกรักก่อนจะฟุบหน้าลงที่อกผม…
แฮ่ก แฮ่ก เสียงหอบหายใจถี่ๆ
ของมันยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมไม่อยากรับรู้อะไรอีกเลยเพราะเหนื่อยและอยากนอนพักมากๆ
แต่ผมกลับอยากอาบน้ำเพราะไอ้เอียนไม่ยอมป้องกัน
L
“งื้ออออออ!
หนาว…”
ผมร้องครางทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรเย็นๆ
ที่ปะทะเข้ากับเรียวขาของตัวเองพอปลีตาไปมองก็เห็นว่าไอ้เอียนกำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่…
ผมเหนื่อยจนลุกไม่ไหวด้วยซ้ำแม้ว่าสมองสั่งการให้ผมลุกไปอาบน้ำก็ตาม
เหมือนว่าไอ้เอียนจะรู้ถึงได้เช็ดตัวให้
พอมันเช็ดตัวให้ผมเสร็จก็ลุกออกไปก่อนจะเดินกลับมาพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่
ผมเองก็ปลีตามองมันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน… ตอนนี้มันเองก็แต่งตัวด้วยชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“นอนซะ…” มันบอกผมก่อนจะห่มผ้าให้
“นอนกอดหน่อยสิ
หนาว” ผมรั้งแขนมันเอาไว้ร้องครางขยับตัวเข้าไปหามันทันที สุดท้ายผมก็ร้องขอทั้งๆ
ที่ก่อนหน้านี้คนที่อยากให้ผมกอดคือไอ้เอียนซะมากกว่า
“ฝันหวานนะพายแรด
จุ๊บ -/////////////-“ ไอ้เอียนบอกฝันหวานผมก่อนจะจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
ไฟที่หัวเตียงก็ถูกปิดลงทันทีด้วยเหมือนกัน
ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้…
ทุกอย่างจะเป็นความจริงใช่ไหม?
ผมกับมันใจตรงกันแล้วใช่หรือเปล่า…
เกือบสายเกินไปกว่าจะรู้หัวใจตัวเอง!!! ไม่ใช่ผมแต่เป็นมันต่างหาก…
ถ้าช้ากว่านี้พรุ่งนี้ผมอาจยอมแพ้และเดินจากไปก็ได้
“เอียน…
รักมึงนะ วันนี้กูไม่ต้องพูดในใจคนเดียวแล้วใช่ไหม?”
ผมกระซิบถามมันน้ำเสียงแผ่วเบาผมไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ยินไหม
แต่ที่แน่ๆ ดวงตาทั้งสองข้างของผมมันหนักอึ้งจนอยากจะหลับเต็มทนแล้ว…
“ฝันดีนะเอียน…”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น